ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
สนาม รอสตอฟ อารีน่า
วันจันทร์ที่ 2 กรกฏาคม 2561
กรรมการ มาลอง ดีฌิอู
เบลเยียม 3-2 ญี่ปุ่น
รายชื่อผู้ทำประตู
เกนกิ ฮารากูชิ 48′ / 1-0
ทากาชิ อินูอิ 52’/ 2-0
แยน แฟร์ต็องเก้น 69’/ 2-1
มารูยาน เฟลไลนี 74′ /2-2
นาเซอร์ ชาดลี 90+4’/ 3-2
ไฮไลท์ ฟุตบอลโลก 2018
เบลเยียม พักตัวจริงเกือบทั้งทีมในเกมชนะอังกฤษ 1-0 นัดนี้ตัวหลักพาเหรดกลับมาลงสนามกันหมด แถมยังได้รับข่าวดีไปตัว แว็งซ็อง กอมปานี กองหลังจาก เวทีพรีเมียร์ลีก แมนฯซิตี้ ฟิตกลับมาคุมแนวรับได้อีกครั้ง
ญี่ปุ่น ก็จัดชุดที่ดีที่สุดลงสนาม กัปตันทีม มาโกโตะ ฮาเซเบะ กลับมายืนคุมแดนกลางอีกครั้ง โดยเกมรุกยังต้องฝากความหวังไว้ที่ ทากาชิ อินูอิ และยูยะ โอซาโกะ โดยมีกำลังสนับสนุนเป็น ชินจิ คากาวะ ที่ยืนเป็นเพลย์เมคเกอร์ให้กับทีม
เรื่องน่ารู้
1. เบลเยียม ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ฟุตบอลโลก 6 จาก 7 ครั้งหลังสุด ไม่ผ่านครั้งเดียวในปี 1998 โดยหนนี้ทีมกำลังหวังผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมได้เป็นหนที่ 3 หลังเคยทำได้มาแล้วในปี 1986 และ 2014
2. เบลเยียม ไม่เคยทำคลีนชีตได้เลยจาก 11 เกมในรอบน็อกเอาท์ โดยแพ้ถึง 8 นัด (ชนะ 2 เสมอ 1)
3. เบลเยียม มีเกมรุกที่ดีคมสุดในบอลโลกหนนี้เมื่อทำได้ถึง 9 ประตูและเป็นหนึ่งใน 3 ชาติที่ชนะรวด 3 นัดในรอบแรก (โครเอเชียและอุรุกวัย)
4. เบลเยียม ไม่แพ้มา 22 นัดติดต่อกัน (ชนะ 17 เสมอ 5) หนสุดท้ายที่แพ้เกิดขึ้นเมื่อกันยายนปี 2016 ต่อสเปน 0-2
5. ญี่ปุ่น มีปัญหาในการยิงทีมจากยุโรป โดยทำประตูไม่ได้ 5 จาก 6 เกมในฟุตบอลโลก (ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 3) ประตูเดียวที่ทำได้เกิดขึ้นในนัดชนะเดนมาร์ก 3-1 เมื่อปี 2010
6. ตั้งแต่เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 1998 พวกเขาสลับตกรอบแรกกับเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายมาตลอด โดยตกรอบแรกในปี 1998, 2006, 2014 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมในปี 2002, 2010, 2018 และไม่เคยไปไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
นาที 2 ญี่ปุ่น ทักทายเบลเยียมก่อนเลยจากลูกยิงไกลตรงขอบเขตโทษของคากาวะ เดือดร้อน กูร์กตัวส์ ต้องพุ่งสุดเหยียดก็ยังไม่ถึง แต่โชคยังดีที่บอลหลุดกรอบไปนิดเดียว
นาที 5 เกมผ่านไป 5 นาที เกมของญี่ปุ่นจะทำได้ดีไม่ได้เป็นรองทีมรวมดาราอย่างเบลเยียมมากมายนัก
นาที 15 เกมผ่านไป 15 นาที ญี่ปุ่นก็ยังทำผลงานออกมาได้ดี นอกจากเกมรับจะเล่นได้รัดกุมไม่มีข้อผิดพลาดแล้ว เกมรุกก็ยังสามารถเซ็ตเกมสร้างอันตรายให้แนวรับเบลเยียมอยู่เป็นระยะ
นาที 17 ลูกากู อาศัยความใหญ่ของตัวเองบังบอลเล่นในเขตโทษท่ามกลางผู้่เล่นญี่ปุ่นที่กรุเข้ามารุม 3-4 ตัว แต่กระนั่นหัวหอกจากแมนฯยูไนเต็ดก็ยังอุตส่าห์เอาชนะพลิกตัวง้างไกยิงได้แม้จะไม่ตรงกรอบก็ตามที
นาที 21 ลูกากู อันตรายสุดๆ จังหวะนี้เขาถอยลงไปรับบอลตรงกรอบเขตโทษ พอจับบอลได้ก็ส่องไกลทันที ยังดีที่นากาโตโมะ ตามมาทิ้งตัวบล็อกบอลไว้ได้ทัน
นาที 25 เกมรุกของเบลเยียมดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาสร้างโอกาสในพื้นที่สุดของญี่ปุ่นได้มากขึ้น จังหวะนี้เป็นลูกครอสจากทางขวาที่ลูกากูเอาชนะตัวประกบได้แล้ว แต่จังหวะชาร์ตกลับโดนบอลไม่เต็มพลาดโอกาสทองไปอีก
นาที 27 อาซาร์ เกือบยิงให้เบลเยียมขึ้นนำ เมื่อลูกตะบันไกลของเขาพุ่งเร็วและแรงแถมตรงกรอบด้วย ยังดีที่คาวาชิมะเซฟไว้ได้ทัน
นาที 31 ญี่ปุ่นเซ็ตบอลเกมรุกได้ดีในจังหวะนี้ เมื่อคากาวะ ตอกส้นในเขตโทษให้นากาโตโมะ ครอสไปที่เสาไกลให้อินูอิได้โหม่ง ซึ่งไม่ดีพอจะเอาชนะกูร์กตัวส์
นาที 40 เบลเยียมกดดันหนัก นักเตะซามูไรถอยร่นไปตั้งรับอยู่ในกรอบเขตโทษตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ แต่กระนั้นทีมปิศาจแดงยุโรปก็ยังไม่สามารถเบิกสกอร์แรกจากคู่แข่งได้สำเร็จ
นาที 44 ญี่ปุ่น ทิ้งโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย จังหวะแรก โอซาโกะยืนโล่งๆคนเดียวในเขตโทษเพื่อนผ่านบอลมาให้แต่จับลูกกระเฉาะไกลตัว จังหวะต่อเนื่องบอลไหลมาถึงกูร์กตัวส์แทนที่จะรับกินสบายเขากับรับหลุดมือปล่อยบอลลอดหว่างขา โชคยังดีที่บอลมันขาดน้ำหนักไปแล้ว
GOAL !!!
นาที 48 เปิดหัวครึ่งหลังทำ ญี่ปุ่นทำช็อกขึ้นนำ 1-0 ก่อนเลย จังหวะที่ ชิบาซากิ แทงบอลทะลุช่องจากในแดนของตัวเอง และเป็นแฟร์ต็องเก้นที่เกี่ยวบอลพลาด บอลเลยไหลมาเข้าทางฮารากูชิได้หลุดเดี่ยวทางขวา ก่อนจะจังหวะยิงอย่างแม่นยำส่งบอลผ่านมือกูร์กตัวส์เข้าเสาไกลอย่างยอดเยี่ยม
นาที 49 เบลเยียมน่าตีเสมอได้ทันที เมื่อเมอร์เท่นส์ผ่านบอลคัตแบ็กเข้ากลางให้อาซาร์ปั่นด้วยขวา บอลเลี้ยวชนเสาเสียงดังพลาดโอกาสไปนิดเดียวจริงๆ
GOAL !!!
นาที 52 เหลือเชื่อ ญี่ปุ่นนำ 2-0 ลูกลูกยิงไกล 25 หลาที่สุดเพอร์เฟคต์ของ อินูอิ บอลพุ่งแรงเบียดเสาไกลตุงตาข่ายชนะกูร์กตัวส์พุ่งยังไงก็ไม่ถึง
นาที 62 เบลเยียมน่าตีเสมอได้อีกครั้ง จากลูกครอสทางขวาของมูนิเยร์ บอลลอยมาเข้าหัวลูกากูที่เทคตัวได้สุงกว่านอื่น แต่โชคไม่เข้าข้าง บอลโดนบางไปลูกหลุดโคนเสาไปนิดเดียว
นาที 65 เวลาเหลือไม่มาก มาร์ติเนซปรับที่เดียวของตัว ด้วยการส่งเฟลไลนี่ และชาดลี่ ลงสนามเพิ่มมิติในเกมรุก
GOAL !!!
นาที 69 เบลเยียมไล่มาเป็น 2-1 สำเร็จจนได้ แถมเป็นลูกที่ไม่น่าจะเป็นประตูได้ด้วยซ้ำ เริ่มจากลุฏเตะมุมที่ญี่ปุ่นเคลียร์บอลไม่ขาดสักที บอลป้วนเปี้ยนไปมาอยู่หน้าบ้านพวกเขาจนกระทั่ง บอลโด่งไปหาเสาไกล มุมแคบมากแต่แฟร์ต็องเก้น ก็โหม่งบอลย้อยๆสวนกลับมาตกเสียบใต้คานเข้าเสาไกลได้อย่างไม่น่าเชื่อ
GOAL !!!
นาที 74 เป็นการเปลี่ยนแทคติกส์ที่ถูกต้องเลย เมื่อเฟลไลนี่ โขกจ่อๆลงพื้นไม่พลาด ต้องของคุณลูกครอสจากทางซ้ายของอาซาร์ด้วย เบลเยียมตีเสมอ 2-2
นาที 84 หลังตีเสมอ เบลเยียมไม่ได้กดดันต่อเนื่อง เป็นญี่ปุ่น ที่ได้บอลโต้เป็นระยะ จังหวะนี้ ฮอนดะ ที่ถูกส่งเป็นตัวสำรองได้หลุดเข้าในเขตโทษ แต่ลูกยิงติดบล็อกออกหลังพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 86 คาวาชิมะ โชว์ซูเปอร์เซฟ 2 หนติดๆ จังหวะแรกพุ่งปัดลูกโขกจ่อๆของชาดลี จังหวะต่อเนื่องเขาลุกขึ้นมาปัดจ่อๆจากลูกากูอีกหน สุดยอดมากๆนายทวารซามูไร
นาที 90 ญี่ปุ่น เกือบน็อกเบลเยียมได้สำเร็จถ้าหากกูร์กตัวส์ไม่โชว์ซูเปอร์เซฟลูกเกือบทำเข้าประตูตัวเองของวิตเซลเอาไว้่ซะก่อน
นาที 90+3′ ญี่ปุ่น ได้ลุ้นมากกว่าในช่วงท้าย จังหวะนี้ฮฮนดะได้ฟรีคิกของถนัด แต่เป็นกูร์กตัวส์ที่โชว์ซูเปอร์เซฟไว้ได้อีก
GOAL !!!!
นาที 90+4 เกมสวนกลับเป็นหมัดน็อกของเบลเยียม เมื่อเดอ บรอยน์ ควบบอลลุยก่อนไหลออกขวาให้มูนิเยร์ จ่าตัดเข้ากลาง เป็นลูกากูข้ามหลอกให้ ชาดลี ปิดสกอร์ไปในท้ายที่สุด เบลเยียมแซงนำ 3-2
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของบอลโลก 2018
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน