เพียงเวลาแค่ 4 ปีจากนักเตะทีม ฟลีทวู้ด ทาวน์ ทีมนอกพรีเมียร์ลีก ปัจจุบันเขากลายเป็นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษชุดลุยฟุตบอลโลก2018 ที่ประเทศรัสเซียที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ถึงเดือน
เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในปี 2007 ด้วยวัย 20 ปี กับ สต็อก บริดจ์ พาร์ค สตีล ทีมนอกลีก หลังจากถูกปล่อยตัวจาก เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ที่เคยอยู่มาในระดับเยาวชน เขาใช้เวลาอยู่ที่นี่ 3 ปี ลงเล่นไป 107 นัด ยิงไป 66 ประตู
จากนั้นเขาก็มาเล่นให้กับทีมนอกลีกในระดับเดียวกันอย่าง ฮาลิแฟ็กซ์ ทาวน์ ในปี 2010 และทำผลงงานได้อย่างสุดยอดด้วยการยิงไป 27 ประตู เป็นดาวซัลโวประจำทีม พร้อมพาทีมเลื่อนชั้นจากระดับ นอร์ธเทิร์น พรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ ดิวิชั่น สู่ คอนเฟอเรนซ์ ลีก นอร์ธ ลีกดิวิชั่นที่ 6 ของอังกฤษ
ถึงแม้ว่าจะมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับ ฮาลิแฟ็กซ์ วาร์ดี้ ก็เลือกที่จะย้ายทีมอีกครั้งมาอยู่กับ ฟลีทวู๊ด ทาวน์ ทีมในระดับ คอนเฟอเร้นซ์ ลีก ระดับที่ 5 ของอังกฤษ
ช่วงครึ่งฤดูกาลแรกที่นี่เขายิงประตูถล่มทลาย บวกกับฟอร์มที่ดี จนได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของลีกในเดือนพฤศจิกายน และเกมของ ฟลีทวู๊ด ทาวน์เริ่มมีการถ่ายทอดสดทาง TV ทำให้มีคนเห็นฟอร์มเขามากขึ้น จน แบล็คพูล ทีมในระดับแชมเปี้ยนชิพในขณะนั้น ยื่นซื้อตัว วาร์ดี้ ด้วยจำนวนเงิน 7 แสนปอนด์ในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม แต่ก็โดน ฟลีทวู๊ด ปฏิเสธ เพราะทาง ฟลีทวู๊ด อยากให้ วาร์ดี้อยู่จนจบฤดูกาล และช่วยพาทีมเลื่อนชั้นเสียก่อน
ท้ายที่สุด วาร์ดี้ ก็อยู่กับ ฟลีทวู๊ด จนจบฤดูกาล พร้อมยิงไป 31 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด 36 นัด และได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของคอนเฟอเร้นซ์ลีก ประจำฤดูกาล 2011-12 พร้อมพาฟลีทวู๊ด เลื่อนชั้นสู่ลีก ทู ได้สำเร็จ
17 พฤษภาคม 2012 วาร์ดี้ ย้ายมาร่วมทัพ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสัญญา 3 ปี ค่าตัว 1 ล้านปอนด์พร้อมพ่วงอ็อฟชั่นต่าง ๆ รวมกว่า 1.7 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติการซื้อขายตัวนักเตะจากทีมนอกลีก
แต่มันไม่ง่ายเลยที่นักเตะระดับเทพจากทีมนอกลีก จะข้ามขึ้นมาเฉิดฉายในเวทีแชมเปี้ยน ชิพ ได้แบบสวยงาม ปีแรกของ วาร์ดี้ ที่นี่ฟอร์มไม่เป็นอย่างที่คิด และมีผลงานที่น่าผิดหวังจนถูกแฟนบอลวิจารย์เสีย ๆ หาย ๆบนสื่อโซเชี่ยล มีเดีย จนทำให้ตัวเขาเริ่มมีแผนคิดย้ายออกจากสโมสร จนทาง ไนเจล เพียร์สัน ผู้จัดการทีมถึงกับต้องมานั่งจับเข่าคุยและขอให้เขาอยู่กับทีมต่อไป
ปีถัดมาของ วาร์ดี้ ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2013-14 ผลงานของเขาที่เคยยอดเยี่ยมสมัยเล่นในทีมนอกลีกกลับมาแจ่มอีกครั้ง และกลายเป็นตัวหลักในแนวรุกให้กับสโมสรปิดฤดูกาลไปด้วยการยิง 16 ประตู พา เลสเตอร์ เลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก และที่สำคัญเขายังได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำสโมสรในฤดูกาลดังกล่าว จากการโหวตของนักเตะในทีมด้วยกันเอง
หลังจากเลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีกด้วยสัญญาของเขาที่เหลือเพียง 1 ปี เลสเตอร์ ซิตี้ จึงจัดการขยายอายุสัญญาเพิ่มไปอีก 4 ปี ถึงปี 2018 และก็สร้างผลงานเป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมที่พลิกกลับมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5-3 หลังเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ 1-3 และเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตซ์ ในเกมดังกล่าว
ในฤดูกาล 2015-16 ถือเป็นฤดูกาลที่ วาร์ดี้ แจ้งเกิดอย่างแท้จริงเมื่อนำเป็นดาวซัลโว และในนัดที่ 13 ที่ เลสเตอร์ เป็นฝ่ายบุกไปเยือน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เกมนั้นจบลงด้วยผล สนุขจิ้งจอกเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 0-3 วาร์ดี้ยิงประตูได้ในนาทีที่ 45 ของครึ่งเวลาแรก ทำให้มีสถิติยิงประตูติดต่อกันในลีกเป็นนัดที่ 10 เทียบเท่า รุด ฟาน นิสเตอรอย อดีตดาวยิงชาวดัตซ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยทำไว้เมื่อปี 2003 และยิงได้ต่อเนื่องเป็นนัดที่ 11 ในนัดต่อมาที่ เลสเตอร์ ซิตี้ พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนาม คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม ที่เวมอกันไป 1-1 โดย วาร์ดี้ ยิงได้ในนาทืที่ 23 นับเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก
จากวันนั้นจนกระทั่งวันนี้ เรากำลังจะได้เห็นนักเตะที่มีเส้นทางอาชีพการค้าแข้งแบบทุกลักทุเลโลดแล่นบนจอแก้วในนามผู้เล่นทีมชาติอังกฤษกับการแข่งขันฟุตบอลรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกกับ ฟุตบอลโลก 18 หวังว่า เจมี่ วาร์ดี้ จะทำผลงานกับทัพสิงโตคำรามได้เป็นที่น่าจดจำและพาทีมชาติของเขาผ่านเข้าไปสู่รอบลึก ๆ ได้
หากต้องการทราบข่าวกีฬา โปรโมชั่น และข้อแนะนำการเลือกเดิมพันล่าสุดจาก SBOBET เข้าร่วมกับเราทางโซเชียลกับบัญชีทางการของเราได้ทั้ง Twitter, Google+, YouTube และ Facebook แวะชมเว็บไซต์ SBOBET และสมัครเป็นสมาชิกกับเราได้เลย เริ่มวางเดิมพันได้แล้ววันนี้!
คลิกเพื่อรับทราบตัวเลือก การพนันฟุตบอล เพิ่มเติม