ย้อนประวัติศาสตร์รอบชิงเอฟเอ คัพ ที่น่าจดจำ
การแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ 2024 คือหนึ่งในถ้วยฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นี่คือฟุตบอลถ้วยแดนผู้ดีที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังกับความยิ่งใหญ่ และประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน
ในโอกาสที่ฟุตบอลถ้วยลีกอังกฤษนัดชิงชนะเลิศจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างสองทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เราจะขอพาย้อนกลับไปดูนัดชิงที่น่าจดจำในอดีต ที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจแฟนฟุตบอลหลายๆ คน
ลิเวอร์พูล – เวสต์แฮม รอบชิงชนะเลิศ ปี 2006
เริ่มกันที่เกมนัดชิง เอฟเอ คัพ ในปี 2006 เป็นการเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือดระหว่าง ลิเวอร์พูล และ เวสต์แฮม ในเวลานั้น ทีมของ ราฟา เบนิเตซ ตามหลังเวสต์แฮม 3-2 แต่หลังเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บทุกอย่างเต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นที่สุดครั้งหนึ่งในความทรงจำของรายการนี้ โดย ขุนค้อน ได้ประตูนำ 2-0 ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกที่ มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม จากการทำเข้าประตูตัวเองของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ และ ดีน แอชตัน ก่อนที่ ฌิบริล ซิสเซ่ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จะยิงประตูไล่ตามมาเป็น 2-2 อย่างไรก็ตาม ลูกชิปจาก พอล คอนเชสกี้ แบ็กซ้ายในนาทีที่ 64 ทำให้ทีมขุนค้อนนำ 3-2
แต่แล้วจังหวะที่บอลหลุดไปที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ระยะประมาณ 35 หลาในนาทีที่ 91 กองกลางระดับตำนานของ หงส์แดง ก็จัดการวอลเลย์เข้ามุมล่างผ่านมือของ ชาก้า ฮิสลอป ที่ทำได้แต่มองจนบอลตุงตาข่าย โดยจบในเวลา 90 นาที 3-3 ก่อน หงส์แดง จะยิงจุดโทษชนะ 3-1 ในท้ายที่สุด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – วีแกน แอธเลติก รอบชิงชนะเลิศ 2013
เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศปี 2013 เป็นการเจอกันของ ซิตี้ พบกับ วีแกน แอธเลติก ที่เวมบลีย์ โดย แมนฯซิตี้ ต้องการคว้าถ้วยแชมป์ใบที่ 3 ในรอบสามปี โดยคว้าแชมป์บอลถ้วยในปี 2011 เหนือสโต๊ค และคว้าแชมป์ลีกในปี 2012 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1968 โดย เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงประตูชัยใส่ คิวพีอาร์ ซึ่งกลายเป็นแมตช์แห่งความทรงจำที่ดับฝัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แข่งพร้อมกันในเวลานั้น
ขณะที่เกมนัดชิง เอฟเอ คัพ 2013 วีแกน ตกชั้นจาก พรีเมียร์ลีก แต่ในเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ทีมของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ทำผลงานได้ดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้
ขณะที่เกมดำเนินไป ซิตี้ ดูค่อนข้างจะหงุดหงิดในแนวรับ โดย ปาโบล ซาบาเลต้า แบ็คขวาชาวอาร์เจนตินาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 84 หลังจากทำฟาวล์ในช่วงท้ายเกม เพื่อหยุดแข้งวีแกนไม่ให้ผ่านเข้าไปยิงประตู ก่อนที่ เบน วัตสัน ของวีแกน จะโหม่งลูกเตะมุมจากทางขวามือเข้ามุมซ้ายบนผ่านมือ โจ ฮาร์ท ในนาทีที่ 91 ของเกม ประตูนั้นกลายเป็นประตูชัยที่ทำให้ วีแกน พลิกล็อคถล่มทลายเฉือน ซิตี้ คว้าแชมป์ไปครองท่ามกลางแฟนบอลทั้งหมด 86,254 คน ที่เข้ามาชมเกมในวันนั้น
เชลซี – มิดเดิลสโบรช์ รอบชิงชนะเลิศ ปี 1997
เกมดังกล่าวถูกจดจำกับโมเมนต์ที่ถูกเรียกว่าเป็นช็อต 42 วินาทีของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ โดย เชลซี ต้องลงเล่นเจอกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ที่ตกชั้นไปแล้วในสนามเวมบลีย์ สิงห์บลู ในเวลานั้นมีนักเตะอย่าง ฟร้องค์ เลอเบิฟ, ดิ มัตเตโอ และจานฟรังโก้ โซล่า ขณะที่โบโร่มี จูนินโญ่, เอเมอร์สัน และ ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ นำทัพ
เชลซีที่คุมทีมโดย รุด กุลลิท กุนซือชาวดัตช์ในตอนนั้นไม่เคยมีถ้วยแชมป์ติดมือเลยนับตั้งแต่คว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อปี 1971 และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ เมื่อปี 1994 ซึ่งพวกเขาแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาดลอย 0-4
อย่างไรก็ตามในวันนั้น พวกเขาสมหวัง เมื่อ ดิ มัตเตโอ ซัดบอลจากระยะ 25 หลา พาทีมออกนำตั้งแต่นาทีแรกของการแข่งขัน จากนั้น เอ็ดดี้ นิวตัน มายิงปิดกล่องในนาที 83 พา เชลซี กลับสู่ความสำเร็จหลังจากรอคอยมาอย่างยาวนาน และแฟนบอลที่สนใจห้ามพลาด ทีเด็ด SBOTOP โดยนอกจาก เอฟเอ คัพ 2024 ทีเด็ดเดิมพัน ยังมีข่าวอัพเดต เอฟเอ คัพ 2024 ผลการแข่งขัน ด้วย
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน
