มองหาอะไรที่มากกว่านี้?

SBOTOP เรายังมีสิ่งอื่นอีกมากมายรอคุณอยู่

เข้าสู่ www.mysbotop.com
เพื่อสนุกกับเกมส์ของเราและข้อเสนอสุดพิเศษ

ข้อมูลเพิ่มเติม:
อีเมลหาเราได้ที่ [email protected]

ไปเลย

SBOTOP APP Welcome Freebet – TH

ไฮไลท์ ฟุตบอลฟีฟ่า 2018 : จะรอแต่จุดโทษหรอ ! อังกฤษ แม่นโทษ พิคฟอร์ด พุ่งเซฟ ส่ง โคลอมเบีย กลับบ้าน

ฟุตบอลฟีฟ่า 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
สนาม สปาร์ตัค สเตเดี้ยม
อังคารที่ 3 กรกฎาคม 2561
กรรมการ มาร์ค ไกเกอร์
EX. โคลอมเบีย 1-1 อังกฤษ
อังกฤษชนะด้วยการดวลจุดโทษ 4-3
รายชื่อผู้ทำประตู
1-1 เยอร์รี่ มิน่า 90+3′
แฮร์รี่ เคน 57′ (Pen.)

ไฮไลท์ ฟุตบอลฟีฟ่า 2018

อังกฤษ ได้ประตูออกนำจากจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน แต่มาโดนทีเด็ดโขกเตะมุมของ เยอร์รี่ มิน่า ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้เสมอ 1-1 ต้องต่อเวลาแต่ก็ยังไม่มีประตูเพิ่มและต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ และเป็นสิงโตคำรามที่แม่นกว่าเอาชนะไป 4-3 ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกไปเจอกับสวีเดน และนับเป็นการล้างอาถรรพ์ที่ก่อนหน้านี้แพ้ดวลจุดโทษในฟุตบอลโลกมา 3 ครั้งรวด

โคลอมเบีย มีปัญหาที่ฮาเมส โรดริเกซเจ็บน่องและไม่ผ่านความฟิตทำให้ไม่มีชื่อในเกมวันนี้ ความหวังของพวกเขาเลยไปตกที่หน้าเป้าอย่างงฟัลเกา โดยมีกัวดราโด้,ควินเตโร่คอยหนุน

ฝั่งอังกฤษนั้นได้พักตัวหลักมาเต็มๆในเกมนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้วันนี้แข้งตัวตริงพวกเขาถือว่าสดมาๆ นำโดยกัปตันทีมอย่างเคน และมีราฮีม,อัลลี,ลินการ์ด,เฮนเดอร์สันคอยหนุน ยัง,ทริปเปียร์กลับมายืนวิงแบ็คซ้ายขวา แผงหลังสามคนคือสโตนส์,วอล์คเกอร์,แมกไกวร์ และพิคฟอร์ดเฝ้าเสาตามเดิม โดยผ้เล่นส่วนใหญ่ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก

– 5 ครั้งที่เจอกันอังกฤษไม่เคยแพ้โคลอมเบียเลย โดยเป็นการชนะ 3 เสมอ 2
– เคยเจอกันในฟุตบอลโลก 1 ครั้งและเป็นอังกฤษชนะไป 2-0 ในรอบแบ่งกลุ่มปี 1998

นาที 6 เริ่มเกมเป็นอังกฤษที่ค่อยๆครองบอลบุกเข้าใส่ แล้วจังหวะนี้มาได้ฟรีคิกรอมกรอบฝั่งซ้าย เป็นยังที่รับหน้าที่ปั่นบอลโค้งเข้าหาประตู แต่ออสปิน่าเอาชัวร์ทุบออกไปได้

นาที 13 ยังเป็นอังกฤษที่เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า ก่อนได้ลุ้นเล็กๆจากจังหวะที่สเตอร์ลิงได้บอลส้มหล่นหน้ากรอบเขตโทษ เขาดึงเข้าขวาแล้วกดทันที แต่บอลพุ่งเรียดไปติดซานเชซที่ยืนขวางอยู่

นาที16 เคนได้โขกมุมแคบแต่บังคับบอลไม่ได้
โอกาวอีกครั้งของทีมผู้ดี คราวนี้เป็นจังหวะที่มริปเปียร์วิ่งทะลุไปรับบอลทางริมเส้นฝั่งขวา เขาครอสไปทางเสาสองให้เคนได้โหม่ง แต่มุมมันแคบแล้วทำให้ไม่ถนัดก่อนที่บอลจะย้ายข้ามคานไป

นาที 31 เกมผ่านครึ่งชั่วโมง อังกฤษครองบอลได้มากกว่าก็จริงแต่พวกเขาชักจะเจาะไม่เข้า ส่วนฝั่งโคลอมเบียนั้นก็ยังสวนไม่น่ากลัวเท่าไหร่

นาที 33 โคลอมเบียได้โอกาสลุ้นยิงบ้าง จังหวะที่ซานเชซเปิดฟรีคิกให้ฟัลเกาพักบอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่เขาจะไหลกลับให้ควินเตโร่วางเท้ากดด้วยซ้าย แต่บอลก็บดหลุดกรอบออกไป

นาที 39 เลอร์มาเสียเคนล้มทำให้อังกฤษได้ฟรีคิกระยะราว 25 หลา เยื้องทางซ้าย แต่กว่าจะได้ยิงมีจังหวะที่ผู้เล่นทั้งสองทีมมีเรื่องกันก่อน ต้นเหตุเกิดจากบาร์ริออสที่ไปเอาหัวโขกใส่เฮนเดอร์สันและได้รับใบเหลืองไป

นาที 42 เสียเวลาไปหลายนาทีก่อนจะเคลียร์กันได้ กลับมาทีจังหวะฟรีคิก เป็นทรปเปียร์รับหน้าที่สืบเท้าปั่นด้วยขวาข้ามกำแพงแต่บอลโค้งหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 45 ก่อนทดเวลาบาดเจ็บเคนได้จังหวะวางเท้ากดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษ แต่เขาเน้นมุมเกินไปทำให้บอลพุ่งเรียดหลุดเสาฝั่งซ้ายเป็นลูกเตะจากเส้นประตู

นาที 45+2 โคลอมเบียได้ลุ้นในช่วงท้ายเกม จังหวะที่ควินเตโร่ได้กดด้วยขวานอกกรอบแต่หลุดออกหลังอีกครั้ง อังกฤษไม่สนใจบุกสวนขึ้นไปและเป๋นลินการ์ดที่ได้จังหวะวอลลเย์ด้วยขวาในกรอบเขตโทษก่อนที่บอลจะเหินข้ามคาน

นาที 45+4 จบครึ่งแรกเป็นเกมที่สูสี ยังไม่มีจังหวะลุ้นประตูจะแจ้งกันมากนักทำให้เสมอกันอยู่ 0-0 ต้องดูว่าครึ่งหลังจะมีการขยับอะไรกันหรือไม่

แฮร์รี เคน นักเตะจาก ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส
แฮร์รี เคน สังหารจุดโทษในนาที 50 ส่งอังกฤษ ข้ำนำ โคลอมเบีย 1-0

นาที 57 ผูดีเฮ!!เคนโดนฟาวล์ได้จุดโทษก่อนลุกกดเอง 1-0

เล่นไปเล่นมาอังกฤษมาได้จุดโทษจากจังหวะที่เคนโดนคาร์ลอส ซานเชซ ทั้งเหนี่ยวทั้งขวางล้มในกรอบในจังหวะที่พยายามแบ่งพื้นที่โหม่งเตะมุม ฝั่งโคลอมเบียพยายามประท้วงและมีปะทะกันเล็กน้อยจนเฮนเดอร์สันเสียใบเหลือง เสียเวลาอยู่นาน ก่อนที่เคนจะรับหน้าที่สังหารเข้าไปตรงกลางไม่พลาดให้ทีมผู้ดีออกนำ 1-0 และเป็นประตูที่ 6 ที่ส่งเขานำดาวซัลโวในขณะนี้

นาที61 หลังจากเสียประตูโคลอมเบียต้องรีบแก้เกมโดยการส่งกองหน้าอย่างบัคค่าเพิ่มมาอีกคน และเป็นเลอร์มาร์ที่โดนถอดออกจากแผงกลาง

นาที 63 อังกฤษเกือบได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 จากจังหวะที่ทริปเปียร์เก็บบอลแถวสองหน้ากรอบฝั่งขวาก่อนตักไปเสาสองให้อัลลีพุ่งโหม่งแต่เขาคุมบอลไม่อยู่ทำให้หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 73 อังกฤษได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย เป็นยังที่ตักไปบริเวณจุดโทษให้แมกไกวร์เทคสูงกว่าใครเพื่อนและได้โหม่ง แต่บอลก็ย้อยบอลตกใส่หลังคาประตูไป

นาที 77อังกฤษร้องจะเอาจุดโทษจากจังหวะที่ลินการ์ดกระชากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่จะโดนดาวินสัน ซานเชซสไลด์ขวางและล้มลง แต่ผู้ตัดสินส่ายหย้าไหวๆ

นาที 81 โคลอมเบียน่าได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆ จากจังหวะที่วอล์คเกอร์จ่ายพลาดโดนบัคค่าฉกลากบอลจี้ไปที่หน้ากรอบเขตโทษก่อนที่เขาจะไหลให้กัวดร้าแตะเข้าไปยิงในกรอบฝั่งขวา แต่เขาดันซัดใต้บอลพุ่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 87 โคลอมเบียพยายามบุกเอาประตูตีเสมอ จังหวะนี้ฟัลเกาเล่นชิ่งกับโมฮิก้าก่อนได้ซัดหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลก็พุ่งเรียดเข้ามือพิคฟอร์ดสบาย

นาที 90+2 โคลอมเบียน่าได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆจังหวะ ที่อูริเบซัดไกลนอกกรอบบอลพุ่งได้น้ำหนักก่อนที่พิคฟอร์ดจะบินปัดออกหลังเป็นลูกเตะมุม

นาที 90+3 แล้วความพยายามของโคลอมเบียก็มาเป็นผล จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาที่กัวดราโด้ครอสเข้ากลางแล้วเป็นมิน่าที่เทคโหม่งตุงตาข่ายตีเสมอ 1-1 ทำท่าว่าต้องต่อเวลาเสียแล้ว

จบ 90 นาทีเจ๊า 1-1 ต้องต่อเวลา

จบ 90 นาทีเสมอกันไป 1-1 ทำให้ต้องไปว่ากันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที หากยังไม่มีประตูเพิ่มก็ไปว่ากันยาวถึงในการดวลจุดโทษ

นาที 100 โคเคนได้ลุ้นจากเตะมุมอีกแล้ว ทำไปทำมาช่วงต่อเวลาพิเศษเป็นโคลอมเบียที่เล่นได้ดีกว่าและครองบอลเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาอีกแล้ว เป็นกัวดราโดที่ครอสเข้ากลางแล้วคราวนี้เป็นดาวินสัน ซานเชซได้โขกแต่บอลหลุดเสาสองไป

นาที 104 โคลอมเบียขึ้นบอลมาทางฝั่งซ้าย เป็นโมฮิก้าที่ครอสเข้ากรอบให้ฟัลเกาได้โฉบไปโหม่ง แต่ก็โดนไม่ดีหลุดกรอบออกหลังไป

นาที 112 ทีมผู้ดีเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่พวกเขาเล่นชิ่งทางฝั่งซ้ายก่อนที่เฮนเดอร์สันจะแปะให้โรสวิ่งทะหลุดเข้าไปในกรอบแล้วกดด้วยซ้ายทันที บอลพุ่งเรียดผ่านมือออสปิน่าไปแล้วแต่หลุดเสาสองออกไปนิดเดียว

นาที 115 เกมของอังกฤษเริ่มดีขึ้น พวกเขาได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาที่ทริปเปียร์ครอสเข้ากลางแล้วเป็นไดเออร์ที่เทคโหม่งเน้นๆ แต่กดไม่ลงทำให้พุ่งข้ามคานออกไป

จบ 120 นาทีไม่มีประตูเพิ่มทำให้ยังเสมอกันอยู่่ 1-1 ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ และเป็นโคลอมเบียที่เป็นฝ่ายได้ยิงก่อน

ฟัลเกา – เข้า
เคน – เข้า

กัวดราโด้ – เข้า
แรชฟอร์ด – เข้า

มูเรียล – เข้า
เฮนเดอร์สัน – ไม่เข้า(ติดเซฟ)

อูริเบ – ไม่เข้า(ชนคาน)
ทริปเปียร์ – เข้า

บัคค่า – ไม่เข้า(ติดเซฟ)
ไดเออร์ – เข้า

อังกฤษดวลจุดโทษชนะ 4-3 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับสวีเดน
อังกฤษ

Starting Formation: 3-5-2

1. จอร์แดน พิคฟอร์ด
5. จอห์น สโตนส์
6. แฮร์รี่ แมกไกวร์
2. ไคล์ วอล์คเกอร์ 113′
8. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
20. เดเล่ อัลลี 81′
7. เจสซี่ ลินการ์ด
18. แอชลีย์ ยัง 102′
12. คีแรน ทริปเปียร์
9. แฮร์รี่ เคน
10. ราฮีม สเตอร์ลิง 88′
ตัวสำรอง
15. แกรี่ เคฮิลล์
3. แดนนี่ โรส 102′
14. แดนนี่ เวลเบ็ค
16. ฟิล โจนส์
4. เอริค ไดเออร์ 81′
13. แจ็ค บัตแลนด์
23. นิค โป๊ป
11. เจมี่ วาร์ดี้ 88′
21. รูเบ็น ลอฟตัส-ชีค
22. เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
19. มาร์คัส แรชฟอร์ด 113′

ผู้จัดการทีม
แกเร็ธ เซาธ์เกต

●●●

เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของบอลโลก 2018
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน
ติดตามเราจากโซเชียล Facebook Twitter Instagram และ YouTube

ห้องสนทนาสด