กรีซ แชมป์ดังเทพนิยายใน ยูโร 2004
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือ บอลยูโร กำลังจะกลับมาเปิดฉากความยิ่งใหญ่อีกครั้งในปี 2024 นี่คือทัวร์นาเมนต์ระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป และมีประวัติศาสตร์ รวมถึงโมเมนต์อันน่าจดจำมาอย่างยาวนาน
ศึกยูโรถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1958 โดยการแข่งขันครั้งแรกนั้นใช้เวลาทั้งทัวร์นาเมนต์นานกว่า 22 เดือน โดยอยู่ระหว่างปี 1958-1960 ฟุตบอลยูโรนั้นเกิดจากแนวคิดจัดแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรปเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1927 โดย อองรี เดอโลเนย์ เลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (FFF) เป็นผู้ริเริ่มจัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกในเกมลูกหนังยุโรป
การจัดแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปในช่วงแรกใช้ชื่อรายการ ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน เนชั่นส์ คัพ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ หรือเรียกสั้นๆว่า ยูโร มาจนถึงปัจจุบัน โดยทีมที่มีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันยูโรต้องเป็นสมาชิกของสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 55 ชาติ
โดยฟุตบอลยูโรนั้นถือเป็นการแข่งขันฟุตบอลที่ได้รับความสนใจอย่างมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกรายการหนึ่ง เนื่องจากเต็มไปด้วยทีมที่แข็งแกร่ง และนักเตะชั้นยอดของบรรดาลีกยุโรป นั่นทำให้การแข่งขันเข้มข้น ขณะเดียวกัน ยูโร 2020 เคยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์เกิดขึ้น เพราะเป็นครั้งแรกที่ถูกจัดการแข่งขันใน 13 เมืองทั่วยุโรป เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี ของฟุตบอลรายการนี้
แต่หนึ่งในโมเมนต์ที่น่าจดจำมากที่สุดของฟุตบอลยูโรคงหนีไม่พ้นปี 2004 เมื่อเกิดแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์แบบพลิกความคาดหมายของคนทั้งโลก เพราะแชมป์ในครั้งนั้นคือ ทีมชาติกรีซ…
ในตอนนั้น ทีมชาติกรีซ ได้เข้าร่วมรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติเพียงแค่ 2 ครั้ง นั่นคือฟุตบอลยูโร 1980 และฟุตบอลโลก 1994 ซึ่งหากพูดถึงภาพรวมผลงานทีมต้องบอกว่าล้มเหลวก็ว่าได้ แต่หลังจากนั้น ในปี 2004 พวกเขาประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่แบบที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
ในครั้งนั้น กรีซ ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 โดยมี โปรตุเกส เป็นเจ้าภาพ ซึ่งพวกเขาหวังที่จะคว้าแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลในประเทศตัวเอง และหากเทียบกับชื่อชั้นของทุกทีมที่พวกเขาต้องเจอ กรีซ กลายเป็นทีมเต็งตกรอบแรก ทว่าพวกเขากลับหักปากกาเซียนไม่หยุดหย่อนจากการผ่านเข้าสู่รอบลึกๆ ได้สำเร็จ ซึ่งในเกมที่เจอกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ที่เต็มไปด้วยยอดแข้งระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ซีเนดีน ซีดาน, เธียร์รี่ อองรี, โรแบร์ ปิแรส, ลิลิยอง ตูราม ทั้งหมดต่างเป็นสุดยอดแข้ง ส่วน กรีซ เต็มไปด้วยผู้เล่นโนเนม
แต่เกมนั้นจบลงด้วยชัยชนะของ กรีซ พวกเขาทำสิ่งเหลือเชื่อเอาชนะทีมตราไก่ 1-0 จนสุดท้ายได้เข้าไปชิงชนะเลิศกับเจ้าภาพอย่างโปรตุเกส และแมตช์นี้เองกลายเป็นแมตช์สุดคลาสสิคอันน่าจดจำของฟุตบอลยูโรปจนถึงปัจจุบัน
โปรตุเกส เพียบพร้อมไปด้วยแข้งชั้นยอด ไม่ว่าจะเป็น คอสตินญ่า, หลุยส์ ฟิโก้, มานิเช่, เดโก้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สมัยเป็นดาวรุ่ง และอีกหลายคน นั่นทำให้ชาติเจ้าบ้านดูดีเหนือกว่า กรีซ ทุกด้าน แต่พวกเขาก็ไม่ได้หวาดหวั่น เมื่อตั้งเกมรับเหนียวแน่นตามสไตล์ที่เล่นมาตั้งแต่นัดแรก ซึ่งมันมาพร้อมกับเสียงวิจารณ์ของแฟนบอลที่ไม่ชอบเห็นพวกเขามาตั้งเกมรับเต็มที่ อย่างไรก็ตาม กรีซ เล่นในแนวทางของตัวเองต่อไป เพราะยิ่งมีคนเกลียดมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่ากรีซจะกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นจนสุดท้ายกรีซก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์ยุโรปปี 2004 หลังเอาชนะโปรตุเกส 1-0 และกลายเป็นแชมป์ประวัติศาสตร์ในฐานะม้ามืด พวกเขาฝ่าฟันจนก้าวมาสู่แชมป์ที่เต็มไปด้วยคำดูถูกมาตลอดเส้นทาง แม้ว่าพวกเขาจะมีฟุตบอลที่น่าเบื่อ แต่พวกเขาก็เล่นอย่างมีประสิทธิภาพในตัวเองกระทั่งนำไปสู่แชมป์ประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำที่ดีที่สุดของถ้วยแชมป์ยุโรป
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน