คู่ที่น่าสนใจในกลุ่มฟุตบอลโลก ไปชมกันเลย!
1. เยอรมนี Vs เม็กซิโก
ทีมชาติเยอรมนี
ทีมชาติเยอรมนีนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในทีมชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลกแห่งวงการลูกหนังโดยพวกเขานั้นเคยเป็นแชมป์โลกมาแล้วถึงสี่สมัยด้วยกันในปี 1954, 1974, 1990, และในปี 2014 ที่เป็นฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดนั่นเอง
นอกจากนี้พวกเขายังเคยคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนแชมเปี้ยนชิพมาแล้วถึง 3 สมัยด้วยกันในปี 1972, 1980, และในปี 1996, และเคยชูถ้วยในศึกคอนเฟเดอเรชั่นคัพในปี 2017 จากรายงานCMD368
มีหลายครั้งหลายคราที่พลพรรคอินทรีเหล็กนั้นเกือบจะกวาดแชมป์โลกมาเพิ่มโดยพวกเขาเคยเป็นรองแชมป์ยูโรมา 3 สมัย, เป็นรองแชมป์โลก 4 สมัย, และเคยได้อันดับสามในฟุตบอลโลกมาถึง 4 ครั้งด้วยกัน
ในปัจจุบันทีมชาติเยอรมนีนั้นได้รับคะแนนโหวตสูงสุดในประวัติศาสตร์จากElo Rating ด้วยคะแนนทั้งหมด 2205 แต้มและยังรั้งอันดับหนึ่งของโลกในการจัดอันดับของฟีฟ่าในปัจจุบัน
โค้ชทีมชาติเยอรมนี:โยอาคิมเลิฟ
โยอาคิมเลิฟนั้นเกิดในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 1960 เขาเคยเป็นอดีตนักฟุตบอลและได้ผันตัวมาเป็นกุนซือโดยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติเยอรมนีตั้งแต่ปี 2006 หลังจากที่เป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับตำนานอินทรีเหล็กอย่างเจอร์เก้นคลินส์มันน์ก่อนที่จะขึ้นมาแทนที่ซึ่งเลิฟนั้นสามารถพาพลพรรคอินทรีเหล็กคว้าถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลและแชมป์ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชั่นคัพในปี 2017 ที่ประเทศรัสเซียมาได้
นักเตะคีย์แมนของทีม:โทนี่โครส
โทนี่โครสนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะมิดฟิล์ดที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคปัจจุบันจากความสามารถในการคุมจังหวะเกมและการจ่ายบอลยาวที่แม่นยำทำให้โครสคือหนึ่งในกุญแจสำคัญในการนำพาเยอรมนีคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 มาได้ในปี 2014
นอกจากนี้โทนี่โครสก็ยังประสบความสำเร็จในระดับสโมสรมากมายโดยเขาเคยคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกทั้งในสมัยที่ค้าแข้งกับสโมสรบาเยิร์นมิวนิคและกับเรอัลมาดริด
ในฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่จะถึงนี้คงต้องรอดูว่าโทนี่โครสจะสามารถพาเยอรมนีประสบความสำเร็จได้อีกหรือไม่
นักเตะที่น่าจับตามอง:ลีออนโกเร็ตซ์ก้า
ลีออนโกเร็ตซ์ก้านั้นสร้างชื่อของเขาในนามทีมชาติด้วยการระเบิดฟอร์มสุดสะเด่าในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกที่ผ่านมาโดยเฉพาะลูกยิงตอกส้นของเขาพาเยอรมนีถล่มไป 5-1 ใส่ทีมชาติอาร์เซอร์ไบจาน
ในฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่จะถึงนี้เนื่องจากเยอรมนีมีกองกลางระดับเวิล์ดคลาสอยู่เต็มทีมคงต้องรอดูว่าโยอาคิมเลิฟจะให้โอกาสโกเร็ตซ์ก้าได้ลงเล่นมากน้อยเพียงใด
ทีมชาติเม็กซิโก
ทีมชาติเม็กซิโกมีประสบการณ์ในเวทีระดับโลกมามากมายในประวัติศาสตร์โดยพวกเขาเคยผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลกมาแล้วถึง16ครั้งด้วยกันจากรายงานของM88
นอกจากนี้ทีมชาติเม็กซิโกยังเป็นเพียงหนึ่งในสนามทีมชาติที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกของฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ในตลอดหกครั้งที่ผ่านมาโดยอีกสองทีมชาติที่ทำได้คืออดีตแชมป์โลก5สมัยอย่างทีมชาติบราซิลและอดีตแชมป์โลก4สมัยและเป็นแชมป์โลกสมัยล่าสุดอย่างทีมชาติเยอรมนี
ในเวทีของ คอนคาเคฟทีมชาติเม็กซิโกถือว่าเป็นทีมชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดโดยพวกเขาเป็นแชมป์คอนเฟเดอเรชั่นมาแล้ว10สมัย
อย่างไรก็ตามทีมชาติเม็กซิโกนั้นก็ถือว่าเป็นหนึ่งในทีมคุณภาพในเวทีระดับทวีปและระดับโลกและในฟุตบอลโลก2018ครั้งนี้หลายฝ่ายต่างรอดูว่าทีมชาติเม็กซิโกจะสามารถทำผลงานได้น่าประทับใจมากแค่ไหน
ผู้จัดการทีมชาติเม็กซิโก:ฆวนคาร์ลอสโอโซริโอ้
นักเตะคีย์แมนของทีมชาติเม็กซิโก: ฮาเวียร์เออร์นานเดซ
2. โคลอมเบีย Vs ญี่ปุ่น
ทีมชาติโคลอมเบีย
ในปี 1995 ยอดผู้รักษาประตูชาวโคลอมเบี้ยนก็สร้างชื่อให้กับทีมชาติโคลอมเบียอีกครั้งด้วยท่าเซฟบอลแบบแมงป่องในแมตช์ที่พวกเขาบุกไปเจอกับทีมชาติอังกฤษที่สนามเวมบลีย์สเตเดี้ยมนอกจากนี้สตาร์ดังของทีมชาติโคลอมเบียยังมีคาร์ลอสวัลเดอร์ราม่าและฟรอสติโน่แอสปริลล่า
จากรายงานWEBET ในยุคดังกล่าวทีมชาติโคลอมเบียนั้นสามารถผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ทั้งในปี 1990, 1994 และ 1998 อย่างไรก็ตามพวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้เพียงครั้งเดียวจากสามครั้งในปี 1990 เพียงเท่านั้นและความพีคของพวกเขากลับลดลงในช่วงครึ่งหลังของ 1990s โดยเฉพาะหลังจากการเสียชีวิตของอังเดร์เอสโคบาร์ในปี 1995
อีกเกร็ดที่น่าสนใจสำหรับทีมชาติโคลอมเบียคือในศึกฟุตบอลโลกปี 1962 ในแมตช์พบกับสหภาพโซเวียตพวกเขาตามหลังอยู่ 4-1 ก่อนที่จะสามารถคัมแบ็กมาตีเสมอได้เป็น 4-4 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคัมแบ็คที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์อีกทั้งในเกมนั้นพวกเขายังสามารถทำประตูได้จากการเตะมุมเข้าประตูโดยตรงซึ่งถือเป็นประตูเดียวในฟุตบอลโลกที่มาจากการเตะมุมเข้าประตู
โค้ชทีมชาติโคลอมเบีย:โฆเซเปเคอร์แมน
โฆเซเปเคอร์แมนเคยเป็นอดีตโค้ชทีมชาติ อาร์เจนตินามาก่อนในศึกฟุตบอลโลก 2006 ก่อนที่จะย้ายมาเป็นผู้จัดการทีมให้กับทีมชาติโคลอมเบีย
นักเตะคีย์แมนของทีมชาติโคลอมเบีย:ฮาเมสโรดริเกซ
สำหรับทีมชาติโคลอมเบียแล้วฮาเมสโรดริเกซถือเป็นความหวังสูงสุดของทีมเลยก็ว่าได้โดยมิดฟิล์ดรายนี้สามารถคว้ารางวัลเดี่ยวมาได้ถึงสองรางวัลในฟุตบอลโลก 2014 ที่ผ่านมารางวัลรางเท้าทองคำสำหรับดาวซัลโวสูงสุดที่ 6 ประตูและรางวัลประตูที่สวยที่สุดในทัวร์นาเม้นต์จากลูกยิงไกลสุดสะเด่า
ในฟุตบอลโลก 2018 นี้ทุกฝ่ายต่างจับตามองว่าเจ้าหนูมหัศจรรย์รายนี้จะสามารถพาทีมชาติโคลอมเบียโชว์ฟอร์มเก่งได้อีกครั้งหรือไม่
ทีมชาติญี่ปุ่น
นั้นถือเป็นหนึ่งในทีมชาติที่ประสบความสำเร็จในเวทีโลกได้มากที่สุดสำหรับทีมชาติที่มาจากทวีปเอเชียโดยพวกนั้นสามารถผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาได้ติดต่อกันถึง6ครั้งและยิ่งไปกว่านั้นยังผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกได้ถึงสองครั้งในปี2002และในปี2010
ทีมชาติญี่ปุ่นนั้นเป็นทีมชาติที่ประสบความสำเร็จในทัวร์นาเม้นต์เอเอฟซีเอเชี่ยนคัพที่สุดโดยทำสถิติคว้าแชมป์มาแล้วถึง4สมัยด้วยกันในปี1992, 2000, 2004, และปี2011จากรายงานของM88
นอกจากนี้ทีมชาติญี่ปุ่นนั้นสามารถคว้าอันดับที่สองในศึกคอนเฟเดอเรชั่นคัพมาได้ในปี2001
โดยปรกติแล้วคู่แข่งสำคัญๆของทีมชาติญี่ปุ่นคือทีมชาติเกาหลีใต้และล่าสุดคือทีมชาติออสเตรเลีย
ทีมชาติญี่ปุ่นนั้นคือทีมชาติเดียวที่ไม่ได้อยู่ในทวีปอเมริกาที่เคยเข้าร่วมในทัวร์นาเม้นต์โคป้าอเมริกามาแล้วโดยพวกเขาได้รับเชิญเข้าแข่งขันในทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าวในปี1999ลแะในปี2011
อย่างไรก็ตามในปี2011นั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะตอบตกลงในการเข้าร่วมแข่งขันในศึกโคป้าอเมริกาในตอนแรกแต่พวกเขาต้องถอนตัวอย่างกระทันหันเนื่องจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ, แผ่นดินไหวและเหตุการณ์สึนามิ
ในอดีตที่ผ่านมาทีมชาติญี่ปุ่นนั้นไม่ได้รับการตั้งฉายาที่เป็นที่ใช้กันอย่างกว้างขวางเท่าไหร่นักแต่บ่าสุดพลพรรคซามูไรนั้นได้รับฉายาว่าทีม“ซามูไรสีน้ำเงิน”ซึ่งซามูไรนั้นถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของชาติแดนอาทิตย์อุทัยอีกทั้งสีน้ำเงินยังเป็นสีประจำเสื้อเหย้าของทีมชาติญี่ปุ่นอีกด้วย
ผู้จัดการทีมชาติญี่ปุ่น:วาฮิดซาลิฮาดซิช
นักเตะคีย์แมนของทีมชาติญี่ปุ่น:ชินจิคากาวะ
3. โปรตุเกส Vs สเปน
ทีมชาติ โปรตุเกส
สำหรับทีมชาติโปรตุเกสนั้นต้องยอมรับว่าพวกเขาไม่ได้มีประวัติศาสตร์ที่สวยหรูเหมือนกับทีมชาติใหญ่ๆทีมอื่นๆอย่างไรก็ตามพลพรรคฝอยทองก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะในยุคของคริสเตียโน่โรนัลโด้
จากรายงานของ12Bet ทีมชาติโปรตุเกสนั้นได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการใหญ่ระดับโลกในครั้งแรกเมื่อปี1966ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายโดยพวกเขานั้นสามารถทะลุเข้าไปคว้าอันดับสามมาครองได้สำเร็จ
อีกสองครั้งต่อมาที่โปรตุเกสนั้นสามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายในฟุตบอลโลกได้คือในปี1986และในปี2002แต่ทว่าพวกเขานั้นไม่สามารถทะลุเข้าสู่รอบตัดเชือกได้ทั้งสองครั้ง
ทีมชาติโปรตุเกสนั้นเคยทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลยูโร1984ที่จัดขึ้นที่ฝรั่งเศสก่อนที่จะพ่ายให้กับเจ้าบ้านไป3-2ซึ่งในปีนั้นเจ้าภาพฝรั่งเศสสามารถคว้าแชมป์ยูโรมาได้สำเร็จ
ในยุคหลังๆนั้นโปรตุเกสสามารถสร้างมาตรฐานที่ดีขึ้นได้โดยพวกเขาสามารถเอื้อมถึงรอบรองชนะเลิศในรายการฟุตบอลยูโร2000, ฟุตบอลโลก2006, ยูโร2012, และพวกเขาก็สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ในยูโร2004
อย่างไรก็ตามในปี2016นั้นทีมชาติโปรตุเกสก็สามารถคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ถ้วยแรกของตัวเองได้สำเร็จหลังจากที่พวกเขาเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศสไปได้1-0จากประตูของเอเดอร์ในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลยูโร2016ซึ่งทำให้พวกเขาได้สิทธิ์ตีตั๋วไปเล่นในศึกคอนเฟเดอเรชั่นคัพที่ประเทศรัสเซียในปีถัดมา, จบที่อันดับสามของรายการ
ในปัจจุบันทีมชาติโปรตุเกสรั้งอันดับ3จากการจัดอันดับทีมชาติของฟีฟ่าล่าสุดและในฟุตบอลโลก2018ที่ประเทศรัสเซียในครั้งนี้ทีมชาติโปรตุเกสก็ถือเป็นอีกหนึ่งทีมที่เป็นตัวเต็งในการคว้าแชมป์โลกอีกด้วย
โค้ชทีมชาติโปรตุเกส:เฟอร์นานโดซานโตส
เฟอร์นานโดซานโตสนั้นคืออดีตดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสก่อนที่จะผันตัวมาเป็นกุนซือจนถึงปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ซานโตสนั้นเป็นผู้จัดการทีมให้กับทีมชาติกรีซตั้งแต่ปี2010ซึ่งพาทีมชาติกรีซลงเล่นในฟุตบอลโลกและทัวร์นาเม้นต์ยูโรอย่างละหนึ่งครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานซานโตสนั้นก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการทีมชาติโปรตุเกสก่อนที่จะสามารถนำทัพฝอยทองผงาดคว้าแชมป์ยูโร2016ซึ่งเป็นสมัยแรกของพวกเขาได้
นักเตะคีย์แมนของทีมชาติโปรตุเกส:คริสเตียโน่โรนัลโด้
คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อของยอดดาวเตะระดับพระกาฬอย่างคริสเตียโน่โรนัลโด้อย่างแน่นอนอันเนื่องมาจากความสามารถสุดครบเครื่องของเขาอีกทั้งยังได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเทียบเคียงกับลิโอเนลเมสซี่คู่ปรับตลอดกาล
นอกจากนี้คริสเตียโน่โรนัลโด้ถือเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการพาทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์ยูโร2016และในขณะเดียวกันถือเป็นความสำเร็จแรกของเจ้าตัวในนามทีมชาติอีกด้วย
ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้กัปตันโรนัลโด้จะสามารถโชว์ฟอร์มได้มากน้อยเพียงได้คงต้องรอติดตามในเดือนมิถุนายน2018 ที่จะถึงนี้
ทีมชาติ สเปน
ทีมชาติสเปนนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในทีมชาติที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันโดยพวกเขาอยู่ในอันดับที่6ของโลกจากการจัดอันดับของทางฟีฟ่าล่าสุดรองจากทีมชาติเบลเยี่ยม
ทีมชาติสเปนนั้นคือหนึ่งในแปดทีมชาติที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาได้ในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังโดยพวกเขาสามารถชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก2010ที่ประเทศแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพได้หลังจากที่เอาชนะทีมชาติเนเธอร์แลนด์มาได้1-0ทำให้พลพรรคกระทิงดุกลายเป็นทีมชาติยุโรปทีมแรกของโลกที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ในทวีปอื่น
นอกจากนี้ทีมชาติสเปนยังสามารถคว้าแชมป์ยูโรมาครองได้ถึง2สมัยติดด้วยกันในปี2008จากการเอาชนะทีมชาติเยอรมนีมาได้และในปี2012จากการคว่ำทีมชาติอิตาลีในรอบชิงชนะเลิศ
จากการคว้าสามแชมป์ดังกล่าวติดต่อกันสเปนยังทำสถิติเป็นทีมชาติเดียวในประวัติศาสตร์ฟุตบอลที่สามารถคว้าแชมป์ในระดับทวีปหรือระดับโลกมาได้สามครั้งติดต่อกัน (ในระหว่างปี2008ถึง2013)
ทีมชาติสเปนนั้นถึงจุดพีคในช่วงของปี2006ถึงปี2009โดยพวกเขานั้นทำสถิติไม่แพ้ใครเลยเป็นจำนวน35แมตช์ติดต่อกันก่อนที่พวกเขาจะมาพลาดท่าพ่ายให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกาซึ่งสถิตินี้ถือว่าเทียบเท่ากับเจ้าของแชมป์โลก5 1สมัยอย่างทีมชาติบราซิลที่เคยทำได้เช่นเดียวกัน
จากความสำเร็จในช่วงสามปีดังกล่าวของทีมชาติสเปนทำให้นักวิเคราะห์และอดีตนักฟุตบอลอาชีพมากมายมีความเห็นร่วมกันว่าทีมชาติสเปนในยุคนั้นคือหนึ่งในทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาในประวัติศาสตร์โดยในบางเกมนั้นพวกเขายังมีแผนที่ไม่เหมือนใครอีกด้วยโดยที่ไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้าอยู่ในทีมแต่ด้วยสไตล์การเล่นแบบเคาะบอลหาช่องของพวกเขาก็ทำให้คู่ต่อสู้ต้องยอมจำนนมานักต่อนัก
อย่างไรก็ตามหลังจากปี2012เป็นต้นมานั้นความน่ากลัวและดุดันของทีมชาติสเปนก็ไม่สามารถที่จะรักษามาตรฐานของตนเองได้โดยยังไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรได้อีกหลังจากนั้นและยังทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วยทำให้ในการจัดอันดับของทางฟีฟ่านั้นทีมชาติสเปนต้องตกอันดับลงมาเรื่อยๆจนมาถึงอันดับที่6ในปัจจุบัน
โค้ชทีมชาติสเปน:ยูเลนโลเปเตกี
ยูเลนโลเปเตกีนั้นเคยเป็นอดีตผู้รักษาประตูสายเลือดสเปนมาก่อนโดยเขานั้นได้ลงเล่นในสนามไปทั้งหมด149นัดในลีกลาลีก้ารวมทั้งหมด11ฤดูกาลโดยเจ้าตัวนั้นเคยเล่นให้กับสโมสรเรอัลมาดริดและบาร์เซโลน่ามาแล้วอีกด้วย
นอกจากนี้โลเปเตกียังเคยติดทีมชาติสเปนและได้ลงเล่นให้กับทีมชาติของตัวเองในศึกฟุตบอลโลก1994
อย่างไรก็ตามโลเปเตกีนั้นได้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมอาชีพในปี2003โดยเขาคุมทีมชาติสเปนชุดอายุไม่เกน19ปีและชุดอายุไม่เกิน21ปีโดยเขาต่างพาทั้งสองทีมคว้าแชมป์ยุโรปมาได้ทั้งสิ้นด้วยผลงานอันโดดเด่นทำให้เขาได้รับโอกาสเข้ามาคุมทีมสเปนชุดใหญ่และหลายคนก็จับตามองมาโลเปเตกีจะสามารถพาทีมชาติสเปนกลับมาผงาดในเวทีโลกได้อีกครั้งหรือไม่ในศึกฟุตบอลโลก2018ครั้งนี้
นักเตะคีย์แมนของทีมชาติสเปน:เซอร์กิโอรามอส
ถึงแม้ทีมชาติสเปนจะมีนักเตะดาวรุ่งกำเนิดขึ้นมาอยู่มากมายแต่กัปตันสโมสรเรอัลมาดริดและทีมชาติสเปนอย่างเซอร์จิโอ้รามอสถือว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลกอีกทั้งเขายังสามารถทำประตูจากลูกโหม่งได้อีกบ่อยครั้งไม่ต้องสงสัยเลยว่านักเตะรายนี้คือหัวใจหลักของทีมชาติสเปนในชุดนี้
4. เกาหลีใต้ Vs เยอรมนี
ทีมชาติ เกาหลีใต้
นับตั้งแต่ในยุคทศวรรษที่1960s ทีมชาติเกาหลีใต้นั้นได้ผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมชาติชั้นแนวหน้าของบรรดาทีมชาติในทวีปเอเชียและจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพลพรรคโสมขาวถือว่าเป็นหนึ่งในทีมชาติเอเชียที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในระดับนานาชาติอีกด้วย
พลพรรคโสมขาวนั้นเคยผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ติดต่อกันมาแล้วถึง9 สมัยด้วยกันและพวกเขาเคยเข้าร่วมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด10 ครั้งในประวัติศาสตร์ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับทีมชาติจากทวีปเอเชียอื่นๆถึงแม้ว่าในเวทีฟุตบอลโลกนั้นทีมชาติเกาหลีใต้จะไม่สามารถชนะทีมชาติอื่นได้เลยและต้องตกรอบแบ่งกลุ่มตลอด5ครั้งแรกของการเข้าร่วมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของพวกเขาแต่พลพรรคโสมขาวนั้นถือเป็นทีมชาติจากทวีปเอเชียทีมแรกและยังคงเป็นทีมชาติเดียวที่สามารถทะลุ
เข้าสู่รอบรองชนะเลิศในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลกได้สำเร็จโดยเกิดขึ้นในปี2002ที่พวกเขาได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพร่วมกับประเทศญี่ปุ่นก่อนที่แชมป์จะตกเป็นของพลพรรคแซมบ้าทีมชาติบราซิลที่สามารถเอาชนะทีมชาติเยอรมนีมาได้ด้วยผลสกอร์2-0
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นมาพวกเขาก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆและในฟตบอลโลก2010พลพรรคโสมเข้าก็สามารถทะลุเข้าสู่รอบ16ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
ในผลงานระดับทวีปนั้นทีมชาติเกาหลีใต้เคยกวาดแชมป์เอเอฟซีเอเชี่ยนคัพทัวร์นาเม้นต์มาได้2สมัยแรกด้วยกันแต่พวกเขากลับไม่สามารถคว้าแชมป์รายการดังกล่าวได้อีกเลยหลังจากนั้นโดยทำได้แค่เพียงคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาได้ในปี1972, 1980, 1988, และในปี2015และคว้าอันดับที่สามมาได้ในปี1964, 2000, 2007, และปี2011
ในส่วนของเวทีเอเชี่ยนเกมส์นั้นทีมชาติเกาหลีใต้สามารถคว้าเหรียญทองมาได้3สมัยด้วยกันในปี1970, 1978, และปี1986
ผู้จัดการทีมชาติเกาหลีใต้:ชินแทยง
นักเตะคีย์แมนของทีมชาติเกาหลีใต้:ซนฮึงมิน
5. อังกฤษ Vs เบลเยียม
ทีมชาติอังกฤษ
ทีมชาติอังกฤษนั้นถือเป็นหนึ่งในสองทีมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล (อีกหนึ่งทีมชาติที่เก่าแก่ที่สุดคือทีมชาติสก็อตแลนด์) พวกเขานั้นเริ่มต้นเล่นในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลชายระหว่างประเทศครั้งแรกของโลกเมื่อปี1872โดยสนามเหย้าของทีมชาติอังกฤษคือสนามเวมบลี่ย์สเตเดี้ยมที่ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอนนั่นเองตามรายงานของW88
ในเรื่องของผลงานของทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลกและยูฟ่ายูโรแชมเปี้ยนชิพนั้นถือว่ายังไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายเหมือนกับหลายๆทีมชาติใหญ่ๆเท่าไหร่นักโดยพวกเขาเคยเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกไปเพียงหนึ่งสมัยเท่านั้นและยังไม่เคยเป็นแชมป์ยูโรแม้แต่สมัยเดียว
ทีมชาติอังกฤษนั้นได้เข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด17ครั้งในรอบ40ปีที่ผ่านมาโดยในปี1966เป็นปีที่พวกเขานั้นสามารถผงาดขึ้นมาคว้าแชมป์โลกไปครองได้สำเร็จซึ่งในปีนั้นประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเอง
โค้ชทีมชาติอังกฤษ:แกเร็ธเซาธ์เกท
เซาธ์เกทนั้นเคยพาสโมสรแอสตันวิลล่าและมิดเดิลส์โบรห์ผงาดคว้าแชมป์ลีกคัพมาแล้วในช่วงปี1995-96และช่วง2003-04ซึ่งเขารับหน้าที่เป็นกัปตันทีม
เซาธ์เกทได้ย้ายมาเป็นกัปตันทีมให้กับคริสตัลพาเลซและพาสโมสรคว้าแชมป์ลีกมาได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร
ในวัย35เซาธ์เกทนั้นตัดสินใจที่จะแขวนสตั๊ดและผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมโดยเขาเคยคุมทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน21ปีก่อนที่ในปี2016จะได้โอกาสย้ายขึ้นมาคุมทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่อย่างเต็มตัว
นักเตะคีย์แมนของทีมชาติอังกฤษ:แฮร์รี่เคน
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ายอดกองหน้าระดับเวิล์ดคลาสของสโมสรท็อตแน่มฮอตสเปอร์สอย่างแฮร์รี่เคนนั้นคือนักเตะคนสำคัญโดยเฉพาะในแนวรุกของทีมชาติสิงโตคำรามโดยเคนนั้นสามารถทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและยังเป็นที่ต้องการตัวของสโมสรใหญ่ๆทั่วยุโรปอีกด้วย
ในตอนนี้เคนนั้นนำเป็นดาวซัลโวร่วมในพรีเมียร์ลีกและหลายฝ่ายต่างมองว่าเขาจะสามารถพาทีมชาติอังกฤษไปถึงฝั่งฝันในศึกฟุตบอลโลก2018 ท่ี่จะจัดขึ้นในประเทศรัสเซียได้หรือไม่
ทีมชาติเบลเยียม
สำหรับทีมชาติเบลเยี่ยมในยุคของยอดศูนย์หน้าอย่างพอลฟานฮิมสท์, ตำนานที่ได้รับการยกย่องสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเบลเยี่ยมในยุคศตวรรษที่ 20, ทีมชาตเบลเยี่ยมนั้นสามารถคว้าอันดับที่สามในศึกฟุตบอลยูโร 1972 มาได้
หลังจากนั้นพวกเขามียุคทองที่เต็มไปด้วยยอดนักเตะเต็มทีมอยู่สองช่วงในช่วงแรกเป็นช่วงยุค 80 ถึงยุค 90 โดยพวกเขาสามารถคว้าอันดับที่สองในศึกยูโร 1980 มาได้แล้วคว้าอันดับที่ 4 ในศึกฟุตบอลโลก 1986 มาได้ส่วนในยุคที่สองนั้นก็คือในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกเขาตดอยู่ในรายชื่อทีมชาติที่ดีที่สุดในโลกในเดือนพฤศจิกายน 2015 ที่ผ่านมาและแน่นอนพวกเขาพร้อมที่จะผงานในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศรัสเซียแล้ว
โค้ชทีมชาติเบลเยี่ยม:โรเบอร์โต้มาร์ติเนซ
เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพสัญชาติสเปนในตำแหน่งมิดฟิล์ดตัวรับโดยเขาเคยเข้ามาโลดเล่นในวงการฟุตบอลอังกฤษกับสโมสรสวอนซีเมื่อปี 2003
หลังจากปี 2007 มาร์ติเนซตัดสินใจแขวนสตั๊ดและได้กลายมาเป็นกุนซือให้กับสโมสรสวอนซีโดยสามารถพาต้นสังกัดเลื่อนชั้นจากลีกวันขึ้นมาที่ลีกแชมเปี้ยนชิพได้
หลังจากนั้นเจ้าตัวย้ายมาคุมวีแกนก่อนที่จะย้ายไปคุมสโมสรเอฟเวอร์ตันและท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2016 มาร์ติเนซได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมชาติเบลเยี่ยม
นักเตะคีย์แมนของทีมชาติเบลเยี่ยม:เควินเดอบรอยน์
เป็นอะไรที่ยากมากที่จะระบุว่าใครคือนักเตะคนสำคัญที่สุดของทีมชาติเบลเยี่ยมเนื่องจากทีมนั้นเต็มไปด้วยแข้งพรสวรรค์ครบถ้วนแทบจะทุกตำแหน่งแต่สำหรับฤดูกาลปัจจุบันเควินเดอบรอยน์ถือว่าสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจมากที่สุดเนื่องจากเจ้าตัวมีส่วนสำคัญในการคุมเกมแดนกลางของแมนเชสเตอร์ซิตี้และเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้พลพรรคเรือใบสีฟ้ายังคงเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกได้
ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้หลายฝ่ายต่างกำลังจับตามองอยู่ว่าเดอบรอยน์จะสามารถนำทัพปีศาจแดงแห่งยุโรปคว้าแชมป์โลกสมัยแรกในประวัติศาสตร์มาได้หรือไม่
หากต้องการทราบข่าวกีฬาโปรโมชั่นและข้อแนะนำการเลือกเดิมพันล่าสุดจากSBOBET เข้าร่วมกับเราทางโซเชียลกับบัญชีทางการของเราได้ทั้งTwitter, Google+, YouTube และFacebook แวะชมเว็บไซต์ SBOBET และสมัครเป็นสมาชิกกับเราได้เลยเริ่มวางเดิมพันได้แล้ววันนี้!
คลิกเพื่อรับทราบตัวเลือกการพนันฟุตบอล เพิ่มเติม