ลิเวอร์พูล VS บาร์เซโลน่า
การแข่งขันศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 4 ทีมสุดท้ายนัดที่ 2 คู่ระหว่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เตรียมพร้อมเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า ทีมดังแห่งศึก ลา ลีกา สเปน โดยนัดแรก เป็นทางฝั่ง หงส์แดง บุกไปพ่ายแบบยับเยิน 3-0 โดยเกมนี้จะทำการแข่งขันกันที่สนาม แอนฟิลด์ รังเหย้าของ ลิเวอร์พูล จากรายงานของ SBOBET
เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเจ้าบ้าน ซึ่งบุกไปแพ้ที่คัมป์นูมาก่อนในนัดแรกถึง 0-3 หมดสิทธิ์ใช้งานสองขุนพลสำคัญอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่บาดเจ็บ ทำให้เป็นโอกาสของ เซอร์ดาน ชากิรี กับ ดีว็อก โอริกี ลงมาประสานงานในแนวรุกร่วมกับ ซาดิโอ มาเน
ด้านทีมเยือนของ เอร์เนสโต้ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยังคงตัดสินใจเลือกใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมจากเกมแรกที่กุมความได้เปรียบชนะมาก่อนด้วยสกอร์ขาดลอยลงเล่นทั้งหมด โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การกลับมาเยือนถิ่นเก่าของสองอดีตแข้งหงส์แดงอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ รวมถึง ฟิลิปป์ คูตินโญ ข้อมูลจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 อัตราต่อรอง
จังหวะสำคัญของเกม
ออกสตาร์ทเกมมาเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่งของลิเวอร์พูลซึ่งสามารถพังประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้ยิงด้วยขวาในเขตโทษไปติดเซฟ มาร์ค-อังเดร แทร์ สเตเก้น ปัดมาเข้าทาง โอริกี ซ้ำดาบสองระยะเผาขนไม่เหลือ ทำให้เร้ด แมชชีนออกนำ 1-0 สกอร์รวมสองนัดตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 และก็จบ 45 นาทีแรกไปด้วยผลนี้
ก่อนเริ่มครึ่งหลังลิเวอร์พูลตัดสินใจเปลี่ยนตัวสำรองคนแรก ด้วยการถอด แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ซึ่งมีปัญหาบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรก จากจังหวะปะทะกับ ซัวเรซ ออกไป แล้วส่ง จอร์จินิโย ไวจ์นัลดุม ลงมาเล่นแทน และส่งผลให้ต้องปรับเอา เจมส์ มิลเนอร์ ไปยืนแบ็คซ้ายด้วย
และแล้วมิดฟิลด์ชาวดัตช์ก็กลายเป็นอาวุธเด็ดของหงส์แดง ซึ่งมาจัดการบวกลูกสองเพิ่มได้อีก ในนาทีที่ 54 จากจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลทางกราบขวาไปแฉลบตัวของ อิวาน ราคิติช เข้าเขตโทษไปถึง ไวจ์นัลดุม ตวัดยิงด้วยขวาลอดหว่างแขนของ แทร์ สเตเก้น ซึ่งล้มตัวปัดแต่ก็หยุดลูกไม่อยู่เข้าไป ทำให้เจ้าบ้านนำ 2-0 รวมผลสองนัดไล่จี้มา 2-3
ถัดมาเพียงแค่นาทีที่ 56 เสียงเฮของเหล่าเดอะค็อปก็ดังสนั่นหวั่นไหวในแอนฟิลด์ เมื่อขุนพลเครื่องจักรสีแดงมาได้ประตูที่สาม จากจังหวะที่ ชากิรี ครอสบอลทางกราบซ้ายเขตโทษให้ ไวจ์นัลดุม เจ้าเก่าเทกตัวโขกอย่างเด็ดขาด ทำให้ลิเวอร์พูลนำในเกมนี้ 3-0 แต่สกอร์รวมสองนัดสถานการณืเท่ากันทั้งสองทีมที่ 3-3
ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะเสียงแฟนบอลในแอนฟิลด์ยิ่งดังกระหึ่มมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อหงส์แดงมาพังประตูที่สี่ ในนาทีที่ 79 จากลูกเตะมุมฝั่งขวาที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฉวยโอกาสจ่ายเร็วเข้ากลางให้ โอริกี ตวัดยิงด้วยขวาตุงตาข่าย ช่วยให้เจ้าบ้านนำ 4-0 และสกอร์รวมสองนัดพลิกขึ้นนำ 4-3 แบบเหลือเชื่อ
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นลิเวอร์พูลเอาชนะไป 4-0 รวมผลสองนัดแซงชนะแบบสุดปาฎิหาริย์ 4-3 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน เข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่างอาแย็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งจะพบกับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ในคืนวันพุธนี้ รายงานจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 ข่าวฟุตบอล
สถิติสำคัญ
สถิติสำคัญหลังเกม เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงประตู 13 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลอยู่ที่ 42 เปอร์เซ็นต์ ทางฝั่ง บาร์เซโลน่า มีโอกาสยิงประตู 8 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลอยู่ที่ 58 เปอร์เซนต์
สรุปผลงาน
กองกลางชาวดัตช์ยอมรับว่าไม่พอใจเจ้านายที่เลือกดร็อปเขาในเกมถล่มบาร์ซา ก่อนลงมาสวมบทซูเปอร์ซับในครึ่งหลังนำทีมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ
จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม มิดฟิลด์จอมขยันของลิเวอร์พูล ยอมรับ เขาโมโหที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ดร็อปเขาเป็นตัวสำรอง ในเกมเปิดบ้านอัดบาร์เซโลนา 4-0 ในเกม ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
ห้องเครื่องชาวดัตช์ถูกส่งลงสนามในครึ่งหลังแทน แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ที่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนระเบิดฟอร์มทำ 2 ประตู ในเวลาห่างกันแค่ 122 วินาที พาหงส์แดงผงาดขึ้นนำบาร์ซา 3-0 ก่อนที่ ดิว็อค โอริกิ จะมาซัดประตูส่งทีมเข้ารอบชิงในช่วง 10 นาทีสุดท้าย
“ผมโมโหมาก ๆ ที่โค้ชดร็อปผมเป็นตัวสำรอง ผมแค่พยายามช่วยทีม ผมมีความสุข เพราะผมทำแบบนั้นจากสองประตูที่ทำได้” กองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์ส กล่าวผ่าน BT Sport
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน