มองหาอะไรที่มากกว่านี้?

SBOTOP เรายังมีสิ่งอื่นอีกมากมายรอคุณอยู่

เข้าสู่ www.mysbotop.com
เพื่อสนุกกับเกมส์ของเราและข้อเสนอสุดพิเศษ

ข้อมูลเพิ่มเติม:
อีเมลหาเราได้ที่ [email protected]

ไปเลย

SBOTOP APP Welcome Freebet – TH

วิเคราะห์ทีม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ: หงส์แดง ลิเวอร์พูล กับความพร้อมในฤดูกาล 2018/19(เว็บไซต์เดิมพันฟุตบอล)

เชื่อว่าทุกคนคงเคยเห็นมาตลอด กับการที่ ลิเวอร์พูล เขยิบเข้าใกล้การมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกแต่สุดท้ายก็พลาดท่าไป ประโยคเด็ดอย่าง “ปีหน้ามาแน่” มามันทุกปีจนผู้คนเอาแต่ขำ แต่เชื่อสิ คราวนี้มันจะไม่เหมือนเดิม

เพราะทีมหงส์แดงคือทีมที่ถูกยกให้เป็นทีมที่ดีที่สุดอันดับ 2 ในลีกปีนี้ ผลงานของทีมที่ดับความหวัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการเป็นแชมป์ไร้พ่ายเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ทำไมพวกเขาจะเป็นคู่แข่งแย่งแชมป์ในฤดูกาล 2018/19 ไม่ได้

หากเป็นฤดูกาลอื่นๆ ลิเวอร์พูลคงไล่ล่าผู้นำอย่างไม่ลดละเหมือนที่ทำในฤดูกาลที่ผ่านมา

ความจริงนั้น หากแมนฯ ซิตี้ไม่ผีเข้าโชว์ฟอร์มเทพในฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลก็น่าจะมีลุ้นคว้าแชมป์อย่างจริงจังเช่นกัน เพราะทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เก็บ47 คะแนนจาก 23 นัด มากกว่าตอนฤดูกาล 2013/14 ที่ทีมไปลื่นช่วงโค้งสุดท้ายจนแพ้ทีมเรือใบสีฟ้า แชมป์ฤดูกาลนั้นเพียง 2 คะแนนเท่านั้น

มีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ทีมหงส์แดงทำคะแนนในช่วงเดียวกันนี้ได้มากกว่า นั่นคือฤดูกาล 2008/09 สมัยที่ ราฟา เบนิเตซ คุมทีม ซึ่งเก็บได้มากกว่าฤดูกาลนี้ 1 คะแนน

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เดอะค็อป ทั่วทุกมุมโลกโหยหา เพราะพวกเขาต้องการแชมป์ลีกที่ตามหามานานแสนนานต่างหาก ซึ่งทั้งหมดที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้ คือเหตุผลที่ปีหน้าหงส์แดง จะผงาดอีกครั้ง

วิเคราะห์จุดแข็งของทีม

คงไม่ต้องพูดถึงกันอีกแล้วสำหรับสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อคล็อปป์เข้ามาในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อเกือบ 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา เพราะกุนซือชาวเยอรมันนำพลังที่ขาดหายไปในยุคผู้จัดการทีมคนก่อนๆ กลับมายังสโมสรอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนเราจะได้เห็นผลตอบแทนแล้ว กับการที่นักเตะมีชื่อหลายรายปฏิเสธทีมอื่นๆ เพื่อหวังมาร่วมหอลงโรงกับทีมของคล็อปป์

เราเชื่อว่าการสร้างทีมด้วยความอดทนของคล็อปป์จะผลิดอกออกผลที่คุ้มค่าในที่สุด ซึ่งได้แสดงให้เห็นแล้วกับการที่เขายืนยันจะเอาแค่ นาบี้ เกอิต้า กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค แม้จะทำให้เขาต้องรอ VVD ถึงครึ่งฤดูกาล และรอเกอิต้าถึง 1 ฤดูกาลเต็มก็ตาม เพราะการเสริมทัพในระยะยาวไม่มีที่ว่างให้คนที่คิดว่าดีรองลงมาหรอกนะ

ตัวคล็อปป์เองเคยเอ่ยตอนเข้ามาคุมทีมเมื่อเดือนตุลาคม 2015 ว่าเขาหวังคว้าแชมป์ให้ได้สักรายการเป็นอย่างน้อยใน 4 ปี นั่นทำให้ฤดูกาล 2018/19 เป็นหมุดหมายสำคัญ เจ้าตัวค่อยๆ พัฒนาทีมไปอย่างช้าๆ รวมถึงสร้างสไตล์การเล่นที่เชื่อได้ว่าจะสามารถคว้ารางวัลอันรอคอยในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง

อย่างที่รู้กันว่าการวางแผนระยะยาวคือสิ่งที่เป็นไปได้ยากกับฟุตบอลยุคนี้ ผู้จัดการทีมส่วนใหญ่มีโอกาสพิสูจน์ผลงานเพียง 2-3 ปีต่อการคุมทีมแต่ละครั้ง แต่สำหรับคล็อปป์และบอร์ดบริหารของทีมหงส์แดงไม่ได้มองเช่นนั้น

เกอิต้า ไม่ใช่กองกลางตัวโฮลดิ้ง (คุมจังหวะเกม) แต่ดูกระเดียดไปทางสายบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ (เชื่อมเกม) มากกว่า เพราะเขาชอบขึ้นหน้าเพื่อมองหาการทำประตูและแอสซิสต์ แต่ก็สามารถคุมพื้นที่เพื่อรอตัดบอลหากทำเสียได้ดีไม่แพ้กัน
การมาของ เกอิต้า ในช่วงฤดูร้อนถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ ลิเวอร์พูล รอคอย กองกลางทีมชาติกินีค่าตัว 48 ล้านปอนด์ ถือเป็นกองกลางในอุดมคติของ คล็อปป์

นั่นหมายความว่าคล็อปป์สามารถรอหาคนที่ใช่ ได้ ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อแบบตื่นตระหนกแต่อย่างใด โดยเจ้าตัวกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เราจะมองหาและซื้อคนที่ใช่ก่อนการซื้อราคาแพง” เพราะหลังเสีย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ แฟนๆ ก็หวังให้ทีมรีบทุ่มเงินซื้อตัวตายตัวแทนโดยทันที แต่คล็อปป์กลับมองในระยะยาวมากกว่า ไม่รีบร้อนซื้อ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเสียท่าราคาแพงขึ้นมาอีก

เสถียรภาพนอกสนามทำให้คล็อปป์สามารถทำอะไรในสนามได้อย่างที่ต้องการ แม้หลังจากนี้ทุกอย่างจะพังพินาศจนทีมจบอันดับ 5 หรือต่ำกว่า คล็อปป์ก็จะยังอยู่ยั้งยืนยงเช่นเดิม

ยิ่งเจ้าของทีมเริ่มโครงการขยายความจุสนาม รวมถึงก่อสร้างสนามฝึกซ้อมใหม่ในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงนี้ บอกได้เลยว่าสถานการณ์ภายในของลิเวอร์พูลยิ่งมั่นคงกว่าที่เคยเป็นมาเลยล่ะ

แผนการซื้อขายในระยะหลังทำให้ลิเวอร์พูลดูจะมีทีมที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อ 4 ปีก่อนแล้ว ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคล็อปป์เข้ามาคุมทีม ตอนนี้พวกเขาได้ 11 ตัวจริงที่ลงตัว, ดาวดังที่พร้อมใส่ให้ทีมเต็มที่แบบไม่รังเกียจรังงอน รวมถึงเพชรให้รอการเจียระไนมากมาย ทั้ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เทรนด์ อาโนลด์, โดมินิค โซลันกี้ และดาวรุ่งอีกหลายราย หรือแม้กระทั่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และการซื้อประเภทเสียท่าราคาแพงแบบไม่สมเหตุสมผลอก็ดูจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วในยุคของคล็อปป์ และผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์

ปัจจุบันลิเวอร์พูลมีทีมที่แข็งแกร่งมากหลังจากเสริมทัพในตำแหน่งผู้รักษาประตูอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์  จาก โรม่า เข้ามาด้วยสถิติผู้รักษาประตูที่แพงที่สุดในโลกซึ่งเมื่อเทียบกับฟอร์มการเล่นของ คารอุส แล้ว บอกได้คำเดียวเลยว่าไม่แพงเลยสักนิดเดียว

ผู้เล่นที่น่าจับตามองในฤดูกาล 2018/19 ได้แก่ นาบี เกอิต้า

การมาของนาบีเกอิต้าในช่วงฤดูร้อนถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ลิเวอร์พูลรอคอย กองกลางทีมชาติกินีค่าตัว 48 ล้านปอนด์ ถือเป็นกองกลางในอุดมคติของคล็อปป์ (อย่างน้อยก็บนหน้ากระดาษแหละ) จากการที่สามารถไปกับบอลได้ดีในพื้นที่แคบๆ ทำลายแนวรับได้ทั้งการส่งหรือแม้กระทั่งเลี้ยงไปเอง รวมถึงมีพลังงานเหลือเฟือทั้งเกมรุกและเกมรับ

เกอิต้าไม่ใช่กองกลางตัวโฮลดิ้ง (คุมจังหวะเกม) แต่ดูกระเดียดไปทางสายบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ (เชื่อมเกม) มากกว่า เพราะเขาชอบขึ้นหน้าเพื่อมองหาการทำประตูและแอสซิสต์ แต่ก็สามารถคุมพื้นที่เพื่อรอตัดบอลหากทำเสียได้ดีไม่แพ้กัน

โดยเกมอุ่นเครื่องของ เกอิต้า กับ ลิเวอร์พูล ต้องบอกเลยว่านักเตะรายนี้มีบทบาทสำคัญจริง ๆ และเมื่อฤดูกาล 2018/19 เริ่มต้นขึ้นเราคงจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของลิเวอร์พูลซึ่งมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์,  เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เป็นคีย์แมนได้ชัดเจนขึ้น

นี่มันทีมพลังหนุ่มชัด ๆ

อีกสิ่งที่ต้องพูดถึงคืออายุของทีมชุดนี้ ฟีร์มิโน่และฟาน ไดจ์คอายุเพียง 26 ปี ซาดิโอ มาเน่ และซาลาห์ 25 ปี ชากิรี่ 26 ปี ขณะที่เกอิต้าอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น นี่คือเหล่านักเตะที่กำลังจะถึงจุดพีคในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ โจ โกเมซ (20), เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (19) และ เบน วู้ดเบิร์น (18) ก็เป็นนักเตะที่สามารถพัฒนาได้อีกมาก ซึ่งคล็อปป์สามารถรีดศักยภาพของดาวรุ่งผู้นี้ได้แน่

ตำแหน่งของคล็อปป์ที่มั่นคงทำให้นักเตะเหล่านี้มีโอกาสลงสนามเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์แน่ๆ ไม่เหมือนผู้จัดการอีกหลายรายซึ่งต้องจัดชุดใหญ่ใส่เต็มทุกนัดเพื่อเซฟเก้าอี้ให้อยู่กับตัวต่อไป

เมื่อเหลียวมองทีมอื่นๆ ร่วมพรีเมียร์ลีกก็จะพบว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี รวมถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีทีมสูงวัยที่หลายคนผ่านจุดพีคไปแล้ว จะมีก็เพียง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่รวมแข้งไก่กระทงไว้หลายรายจนอาจทำให้ทีมหงส์พลังหนุ่มสั่นคลอนได้ด้วยทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ท้องฟ้าเหนือแอนฟิลด์ดูสดใส แต่ปีหน้าจะมาแน่จริงหรือไม่ บางทีพระเจ้าก็ไม่อาจหยั่งรู้

วิเคราะห์จุดอ่อนหรือปัญหาของทีม

หากจะพูดถึงจุดอ่อนหรือปัญหาของทีม หงส์แดง แล้วล่ะก็แน่นอนว่านั่นคือผู้เล่นมีทดแทนหมุนเวียนไม่เพียงพอ ในบรรดา 11 ตัวจริง หากมีเพียง 1 คน เกิดพบเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บหรือติดโทษแบนอะไรแล้วล่ะก็แน่นอนว่าทีมจะฟอร์มหลุดไปเลย ผู้เล่นที่คิดว่าจะทดแทนได้ก็กลับทำผลงานได้ไม่เป็นที่น่าประทับใจเอาเสียเลย

พูดถึงปัญหาเกมรับจุดอ่อนสำคัญเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเกมรับของ ลิเวอร์พูล คือปัญหาใหญ่เอาจริง ๆ เมื่อ 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา

แต่มาฤดูกาลนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ เสริม อลิสซอน เบ็คเกอร์ เข้ามาแผงหลังเซ็นเตอร์มี เดยัน ลอฟเลน ดีกรีรองแชมป์ฟุตบอลโลกปีล่าสุดที่ความมั่นใจมาเต็มแบบสุด ๆ ยืนจับคู่กับ เวอร์จิล ฟานไดจ์ค แบ็ตซ้ายมี โรเบิร์ตสัน ที่ฟอร์มการเล่นอาจจะไม่ได้หวือหวาแต่ความคงเส้นคงวากินขาด แบ็คขวา เทรนต์ อาโนลด์ คงต้องมุ่งมั่นให้มากกว่าเดิมเนื่องจากมี นาธาเนียล ไคลน์ ที่หายเจ็บกลับมากดดันแย่งตำแหน่งตัวจริงแล้ว

ผลงานที่คาด

คงไม่ดูเป็นการอวยจนเกินไปถ้าจะบอกว่า ปีนี้ ลิเวอร์พูล จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก เบียดแต้มแบบสูสีกับ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เว็บไซด์แทงบอลที่ดีที่สุดต้องที่ SBOBET เท่านั้น!

●●●

เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล

อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน

ติดตามเราจากโซเชียล Facebook Twitter Instagram และ YouTube

ห้องสนทนาสด