เว็บไซด์แทงบอลที่ดีที่สุด SBOBET เท่านั้น !
อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ 2018
สนาม เม็ตไลฟ์ สเตเดี้ยม
พฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม 2561
กรรมการ โซริน สตอยก้า
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ลิเวอร์พูล
รายชื่อผู้ทำประตู
1-0 ซาเน่ 57′
1-1 ซาล่าห์ 63′
1-2 มาเน่ 90+4′ (Pen.)
ลิเวอร์พูล ครึ่งหลังถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงนำไปก่อนจาก ลีรอย ซาเน่ แต่ยังมีเทพ โม ซาล่าห์ ลงสำรองแป๊ปเดียวโหม่งตีเสมอก่อนที่ช่วงทดเจ็บ ซาดิโอ มาเน่ จะสังหารจุดโทษช่วยให้ หงส์แดง แซงชนะ 2-1 เก็บ 3 แต้มแรกใน ICC ปีนี้ส่วน เรือใบสีฟ้า ยังมือเปล่าอยู่
สองทีมดังจาก พรีเมียร์ลีก คู่นี้เคยเจอกันใน ICC มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2014 เสมอในเวลา 2-2 ก่อนที่ หงส์แดง จะชนะการดวลจุดโทษเอาชนะไป
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นัดแรกแพ้ ดอร์ทมุนด์ มา 0-1 วันนี้ก็ยังเต็มไปด้วยดาวรุ่งมีเก๋าหน่อยแค่ บราโว่, เดนาเยอร์ และ มาห์เรซ รวมถึงฮาร์ท, ซาเน่ และ แบร์นาร์โด้ บนม้านั่งโดยโค้ช เป๊ป ลองจัดทีมในระบบ 3-5-2
ลิเวอร์พูล นัดแรกเจอ ดอร์ทมุนด์ ทำแสบเหมือนกันแพ้ไป 1-3 วันนี้มาในฟอร์เมชั่น 4-3-3 เหมือนเดิมแต่ไม่มีชื่อ เกอิต้า แม้แต่สำรองซึ่งกุนซือ คล็อปป์ เผยว่าเจ้าตัวมีปัญหาที่คอจากการนอนบนเครื่องบิน
นาที 9 ผ่านมา 10 นาทียังไม่มีโอกาสจะแจ้งให้คนดูได้ลุกฮือกันแต่อย่างน้อยเกมไหลเร็วไหลตลอดไม่น่าเบื่อเพราะทั้งสองทีมเดินเกมใส่กันตามสไตล์โดย ซิตี้ ที่บุกจากขวาไปซ้ายของจอก่อนเหมือนจะทำได้ดีกว่าเล็กน้อย
นาที 11 โอกาสแรกของ ซิตี้ แมตช์นี้ต้องชม มาห์เรซ พาบอลกินตัวไปทางซ้ายแล้วไหลตามช่องทะลุมาในกรอบให้ เอ็นเมช่า หลุดเดี่ยวซัดเปรี้ยงแต่ คาริอุส ซูเปอร์เซฟปัดได้บอลเด้งไป เอ็นเมช่า ซ้ำก็แฉลบข้ามคานได้แค่เตะมุม
นาที 29 ลุค โบลตัน เจ้าหนูวัย 18 ที่เล่นวิงแบ็คขวาให้ เรือใบสีฟ้า พยายามเรียกจุดโทษในจังหวะถูก โรเบิร์ตสัน อัดล้มทางขวาของเขตโทษแต่ตอนแรกดันขืนตัวก่อนพอไปไม่ได้ถึงค่อยล้มแล้วโวยซึ่งมันไม่ใช่แล้วถูกผู้ตัดสินเมินตามระเบียบ
นาที 31 เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค สนิมยังจับรับบอลมาขึ้นเกมแต่จ่ายพลาดเข้าเท้า มาห์เรซ เฉยเลยโดนเลี้ยงสวนจนต้องเตะให้ร่วงดื้อๆรับใบเหลืองคนแรกของเกม ! ฟรีคิกระยะไกลมาก ซินเชนโก้ ขอลองยิงดีบอลพุ่งหนีกรอบประตูออกไป
นาที 33 บทจะได้จบก็มาติดๆกันสำหรับ ลิเวอร์พูล นาที 32 บอลลอยโด่งตกมาตรงหัวกระโหลก ลัลลาน่า วอลเลย์ไม่เต็มเท้าแต่เกือบดีบอลเด้งพื้นเฉี่ยวเสาไกลออกไป ! นาทีต่อมา โจนส์ เจาะตรงกลางลุยเข้าไปกดเรียด บราโว่ ล้มตัวรับไว้ได้
นาที 34 แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ล้มทีเสียวทั้งโลกของจริงเลี้ยงหาช่องอยู่ถูก โฟเด้น เลาะข้อเท้าล้มลงไปแล้วเจ้าตัวก็โบกมือเรียกทีมงานข้างสนามภาพตัดไป คล็อปป์ หน้าเหวอเลยที่ไหนได้หอกลำซิ่งแค่ขอคนมาช่วยจัดการผ้าที่พันบริเวณขา
นาที 39 โจ โกเมซ ได้เล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ถนัดแต่เหมือนจะเป็นบ่อน้ำมันถูก เอ็นเมช่า กระชากเผาจนต้องทำฟาวล์เสียฟรีคิกหน้าเขตโทษทางขวา มาห์เรซ กดด้วยซ้ายบอลโค้งเข้าเสาแรกแต่ คาริอุส นิ่งแล้วขยับมารับได้สบาย
นาที 42 โอกาสใกล้เคียงมากของ หงส์แดง ต้องชมการโยนจากทางขวาของ ไคลน์ โค้งมาหน้าประตูพอเหมาะพอเจาะ โจนส์ โถมเข้าไปโหม่งเต็มหน้าผากบอลพุ่งข้ามคานไปแบบน่าเสียดาย
นาที 43 เคอร์ติส โจนส์ โดดเด่นสุดของ ลิเวอร์พูล แล้วในครึ่งแรกและก่อนหมดเวลาดาวรุ่งวัย 17 ปีกระชากบอลเข้ามาในเขตโทษด้านซ้ายถูก ฮัมฟรี่ส์ เบียดล้มแต่เบาไปไม่ได้จุดโทษแถมโดน ฮัมฟรี่ส์ เหยียบมือโดยไม่เจตนาเจ็บตัวฟรีอีก
สุดท้ายครึ่งแรกจบไปแบบไม่มีสกอร์
นาที 48 ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เปลี่ยน 5 คนหนึ่งในนั้นคือ มาเน่ ลงมาไม่ทำให้ผิดหวังได้บอลในเขตโทษม้วนแหวก ซินเชนโก้ กับ การ์เซีย ไปได้หลุดไปปั๊มกับ ฮาร์ท บอลทะลักกำลังจะเข้าประตูแต่ ฮัมฟรี่ส์ ตามไปเตะทิ้งได้ก่อนข้ามเส้น
นาที 52 โอกาสแรกของ ซิตี้ ในครึ่งหลังและเป็นโอกาสทอง โบลตัน แตะแล้ววิ่งไต่เส้นฝั่งขวาหนี โรเบิร์ตสัน ไปได้จ่ายเรียดมาหน้ากรอบ 6 หลาถวายพาน ซาเน่ แปเผาขนแต่ เคลเลเฮอร์ โกลหนุ่มไอริชวัย 19 ซูเปอร์เซฟบล็อคแล้วคว้าไว้ได้
GOAL !!!!! (football)
นาที 57 ในที่สุดก็มีประตูเป็น แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 ตัวจริงลงมาเล่นให้เด็กมันดู แบร์นาร์โด้ พลิกบอลได้แทงทะลุช่องให้ ซาเน่ วิ่งออกตัวสี่คูณร้อยแซง ฟาน ไดจ์ค กันเห็นๆกระชากหลุดเดี่ยวมาในเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วซัดด้วยเท้าข้างถนัดสวนตัว เคลเลเฮอร์ โค้งเสียบเสาไกลอย่างเด็ดขาด
GOAL !!!! (football)
นาที 63 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แสดงตัวเป็นเทพเจ้าอีกครั้งลงสำรองไปได้แป๊ปเดียวช่วยให้ ลิเวอร์พูล ตีเสมอ 1-1 ต้องชม คามาโช สำรองดาวรุ่งอีกรายที่ลงมาพร้อมกันด้วยขึ้นเกมทางขวาม้วนหลบ แฮร์ริสัน มาเปิดด้วยซ้ายบอลย้อยตัดหลังแบ็คไปหน้าประตู ซาลาห์ เหลื่อมหน่อยๆแต่ธงไม่ยกลอยตัวโขกล่อเป้าแสกหน้า ฮาร์ท ตุงตาข่ายไม่เหลือ
นาที 67 หงส์แดง กลายเป็นบอลได้ใจบุกใหญ่เลย มาเน่ โยนจากด้านซ้ายมาเสาสอง ซาล่าห์ โล่งๆโหม่งทำประตูแต่ ฮัมฟรี่ส์ มาขวางโขกสกัดออกหลังไปได้เยี่ยม
นาที 68 จังหวะต่อเนื่องเตะมุมฝั่งขวา ลิเวอร์พูล เปิดเข้าไปถูกสกัดไปนอกกรอบแต่ยังเก็บบอลได้วางกลับมาในเขตโทษด้านขวาให้ ซาล่าห์ โล่งอีกแล้วได้เดี่ยวๆแต่งเข้าซ้ายแล้วยิงบอลผ่านมือ ฮาร์ท แล้วแต่พุ่งชนคานออกหลังไปน่าเจ็บใจ
นาที 84 ช่วงท้าย ซิตี้ โดนถล่มหนักเลย มาเน่ ประสานงานเพื่อนซี้แทงทะลุไปที่ว่างให้ ซาล่าห์ กวดตามจะได้หลุดเดี่ยวอยู่แล้วแต่ ฮาร์ท ตัดสินใจดีออกมาไกลถึงนอกกรอบล้มตัวเตะทิ้งไปได้ก่อน
GOAL !!!! (football)
นาที 90+4 เกมกำลังจะต้องดวลเป้าตัดสินกันอยู่แล้วแต่ ลิเวอร์พูล มาได้จุดโทษในจังหวะหยอดเข้ากลาง โซลันกี้ พักบอลแล้วถูก อดาราบิโอโย่ โฉงฉ่างชนจากข้างหลังดื้อๆล้มในเขตโทษผู้ตัดสินเล็งอยู่นานก่อนตัดสินใจเป่าให้จุดโทษ ซาดิโอ มาเน่ รับหน้าที่แปด้วยขวาเข้าประตูไป!!!
แล้วก็จบเกม หงส์แดง ชนะไปเลย 2-1 เก็บแต้มแรกใน ICC ส่วน เรือใบสีฟ้า ยังมือเปล่า
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน